Bitcoin พลิกกลับมาทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ อีกครั้ง สร้างความตื่นตัวในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและนักลงทุน ขณะที่หลายสถาบันการเงินเริ่มออกมาปรับการคาดการณ์ราคาเป้าหมายสู่ระดับ 200,000-300,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า Cycle กระทิงยังไม่จบ
นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (BINANCE TH) ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ FIRST UP ทางเพจข่าว SPACEBAR ระบุว่า ปัจจุบันราคา Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 103,000 ดอลลาร์ ซึ่งห่างจากจุดสูงสุดเดิมที่ 109,000 ดอลลาร์เพียง 5% เท่านั้น
"หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ ผมคิดว่าการเคลื่อนไหวที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในช่วงนี้คือการปรับฐาน หรือการเคลื่อนไหวในกรอบแนวนอน (Sideways)" CEO ไบแนนซ์ กล่าว
เมื่อมองย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมาหลังจากที่ Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นสูงมากจนกระทั่งมีปัจจัยกระตุ้นใหม่คือการที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับเลือกตั้ง ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง
Bitcoin ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’
CEO ไบแนนซ์ มองว่า "การที่ Bitcoin จะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเหมือนทองคำนั้น อาจเร็วเกินไป นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยเพิ่งเริ่มเข้าใจ Bitcoin ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเอง เทียบกับทองคำที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี"
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองระยะยาว Bitcoin ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่สินทรัพย์ในโลกที่สามารถรักษามูลค่าได้ตั้งแต่วันเปิดตัว และสามารถป้องกันเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ ต่างจากทองคำที่ยังสามารถขุดเพิ่มได้
ผลกระทบจากสงครามการค้า
ตลาดยังคงกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะส่งผลกระทบต่อบิทคอยน์หรือไม่ นิรันดร์มองว่า การประชุมล่าสุดที่เจนีวาซึ่งมีการประกาศพักการเก็บภาษี 90 วัน เป็นสัญญาณว่าทั้งสองประเทศตระหนักถึงผลกระทบทางลบของสงครามการค้า
"จุดที่แย่ที่สุดน่าจะผ่านไปแล้ว คือจุดที่ทางคุณทรัมป์ประกาศเรื่องภาษีตอบโต้เมื่อวันที่ 2 เมษายน หากเทียบราคาตลาดหุ้นอเมริกากับบิทคอยน์ในวันนี้กับ 2 เมษายน ราคาปัจจุบันสูงกว่าจุดนั้นด้วยซ้ำ" CEO ไบแนนซ์ กล่าว
Cycle Bull Run’ ยังไม่จบ
เมื่อถามว่าไซเคิลกระทิง (Bull Run) จบลงแล้วหรือยัง นิรันดร์ยืนยันว่า "ไซเคิลยังไม่จบ สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงการปรับฐานชั่วคราว มันปรับฐานลงมาประมาณ 30% ซึ่งทำให้หลายคนตกใจ แต่นี่เป็นเพียงการปรับตัวในไซเคิล และไซเคิลนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้"
ปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคา Bitcoin สูงขึ้นในไซเคิลนี้ ได้แก่ การยอมรับบิทคอยน์ในวงกว้างมากขึ้น การที่สถาบันการเงินเข้ามาลงทุนมากขึ้น และการที่หลายประเทศเริ่มยอมรับบิทคอยน์ รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้พูดถึงการปรับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ายังมีเงินไหลเข้า Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีเงินเป็นพันล้านไหลเข้ามาเกือบทุกวันเพื่อซื้อ Bitcoin ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน
ไทยเปิดตัว 'G Token' ทางเลือกใหม่การลงทุน
ในด้านพัฒนาการของประเทศไทย ล่าสุดครม. ได้อนุมัติ G-Token หรือพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบโทเคน วงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังระบุว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ในการออมและการลงทุนให้กับประชาชน
CEO ไบแนนซ์ มองว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบดิจิทัลโทเคน โดยการเปลี่ยนรูปแบบจากพันธบัตรกระดาษมาเป็นดิจิทัลโทเคนนี้ จะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
แม้รายละเอียดยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่จากข่าวระบุว่าจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท และผู้ถือ G-Token จะได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารทั่วไป ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการออมและลงทุนสำหรับประชาชนทั่วไป และเชื่อว่าสามารถช่วยผลักดันและเป็นปัจจัยบวก สำหรับวงการอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย