จะขับ EV ต้องรู้อะไร? BMW เวิร์กช็อปใช้รถ เปิดรถใหม่

ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เรื่องที่เราทุกคนต้องพร้อมรับ ใครที่คิดกำลังเปลี่ยนรถอาจกำลังสับสน จะซื้อรถอะไรดี... โดยหากไม่มั่นใจเลย อาจต้องเลือกรถยนต์สันดาปเช่นเดิม มั่นใจครึ่งๆ อาจเลือกรถยนต์ลูกครึ่ง พวก HEV หรือ PHEV หรืออีกกลุ่ม มั่นใจไม่มีปัญหา ก็เลือกรถ EV... โดยไม่ว่าเราจะเป็นคนกลุ่มไหน การศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าจึงจำเป็น เนื่องจากโลกและประเทศไทย อยู่ในยุคการเปลี่ยนผ่าน และรถยนต์สันดาปต้องหมดไป  

ดังนั้นแล้ว ความรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วอะไรบ้างที่เราต้องรู้ เรื่องนี้มีคำตอบจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งจัด ‘เวิร์คช้อปจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ’ เพื่อส่งมอบองค์ความรู้และข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับยนตรกรรมไฟฟ้าและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ในหัวข้อที่น่าสนใจ โดยให้ความรู้ ครอบคลุมตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานของยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ ไฟบ้าน หัวชาร์จ แบบไหนใช่-ไม่ใช่ ไปจนถึงข้อมูลด้านนวัตกรรม  

กล่าวได้ว่า เรื่องใหญ่ที่พูดกันมาก คือ แบตเตอรี่ แม้ขณะนี้จะมีอายุประกันแบตเตอรี่ 5-8 ปี ทำให้ผู้เลือกใช้รถยนต์ EV วางใจได้ระดับหนึ่ง แต่วิถีการใช้ วิ่งไปแค่ไหนแล้วต้องหาจุดชาร์จ ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ การใช้รถที่ถ้าหากใช้แค่พื้นที่กรุงเทพฯ หรือระยะใกล้ คงสบายๆ กับสมรรถนะและระยะทางที่ได้มา แต่ถ้าจำเป็นต้องออกต่างจังหวัด ก็จะต้องมีข้อต้องวางแผน เพื่อจัดการกับทริปนั้นๆ อย่างราบรื่น  

เวิร์กช็อป แนะวางแผนชาร์จอย่างไร? 

1. วางแผนเส้นทาง: เมื่อรู้จุดหมายปลายทางแล้ว อาจต้องเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับการเดินทาง มีจุดชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าระหว่างทาง  

2. วางแผนเมื่อไหร่ต้องชาร์จ: กล่าวได้ว่า หากเรายังเป็นมือใหม่ใช้รถไฟฟ้า ก็ต้องพึงระวังมากหน่อย เช่น ชาร์จ 1 ครั้งรถวิ่งได้ 380 กิโลเมตร เมื่อระยะทางถูกใช้ไปจนเหลือ 150-100 กิโลเมตร เราควรเริ่มเติมแบตเตอรี่ได้แล้ว เพราะหนทางข้างหน้า ณ สถานีชาร์จ อาจมีอุปสรรค์อื่นทำให้เราชาร์จไม่ได้ เช่น ไปถึงแล้วหัวชาร์จเสีย หรือ มีรถคันอื่นใช้อยู่ เป็นต้น 

3. ตัวช่วยระหว่างทาง: แอปพลิเคชัน จะเป็นตัวช่วยสำคัญอำนวยความสะดวกครบ สามารถจองชนิดหัวชาร์จได้ด้วย ดังนั้น เพื่อไม่ให้การจอดชาร์จ ณ จุดใดจุดหนึ่ง ล่าช้าเกินไป การตรวจสอบทุกกระบวนการ จึงจะทำให้ประหยัดเวลามากที่สุด โดยขณะนี้มีหลายบริษัท จัดทำขึ้น เราสามารถหาแอปที่เหมาะกับการใช้งานของเราได้

ส่วนข้อกังวล การชาร์จไฟบ้าน สิ่งที่ต้องรู้คือ บ้านเรามีขนาดมิเตอร์ และเฟสไฟฟ้า เป็นอย่างไร ต้องสอบถามให้รอบคอบ โดยหากมีมิเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่า 30 แอมป์ (30/100) เช่น 5 แอมป์ หรือ 15 แอมป์ ควรแจ้งเปลี่ยนมิเตอร์ไฟให้มีขนาดตั้งแต่ 30 แอมป์ขึ้นไป หรือถ้าเป็นมิเตอร์ 3 เฟส ก็ควรใช้ขนาด 15/45 เพื่อให้มิเตอร์มีขนาดเพียงพอสำหรับรองรับปริมาณการใช้ไฟในบ้านที่มากขึ้น เป็นต้น

และที่กล่าวมานี้ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปูพื้นฐาน ไปสู่เส้นทางของยนตรกรรมแห่งอนาคตที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย

ทั้งยังเป็นการฝึกอบรมให้สามารถขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าและมีประสบการณ์เดินทางทั้งในตัวเมืองและออกทริปต่างจังหวัดเป็นประจำ

การอบรมครั้งนี้ยังเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิหลากหลายรุ่น เตรียมพร้อมในการก้าวเข้าสู่โลกแห่งยนตรกรรมในยุคอนาคต (Future of Mobility) มีอะไรบ้าง?

BMW i4 eDrive35 M Sport

BMW i4 eDrive35 M Sport รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Gran Coupé ให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ซึ่งมาพร้อมพละกำลังสูงสุด 210 kWh หรือ 286 แรงม้า มาพร้อมขับเคลื่อนล้อหลังแบบคลาสสิก

BMW i4 eDrive35 M Sport สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุดถึง 483 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนั้นรถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร ภายใน 6 วินาที 

ในด้านการชาร์จไฟฟ้าสามารถชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 180kW ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ในการชาร์จไฟจาก 0 – 80%

ซึ่ง BMW i4 eDrive 35 M Sport คันนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น BMW Operating System 8 ได้รับการออกแบบมาโดยเน้นการใช้งานหน้าจอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display และการสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant 

หลากหลายระบบตัวช่วยถูกติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและยกระดับความปลอดภัยในขณะขับขี่และเมื่อจอดรถ บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive35 M Sport โดดเด่นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go และระบบช่วยการขับขี่ มาพร้อมกับระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ 

ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ (ASC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง และเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน  

ราคา BMW i4 eDrive35 M Sport อยู่ที่ 3,899,000 บาท

BM W iX xDrive40

BMW iX xDrive40 มาพร้อมอัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.1 วินาที ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 240kW หรือ 326 แรงม้า 

ด้วยระบบ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้านี้ยังทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP สูงสุด 372 - 425 กิโลเมตร และ 420 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC สร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 630 นิวตันเมตร

แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport รุ่นใหม่ มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 76.6kWh รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จจาก 0% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 34 นาที  

ราคา BMW iX xDrive40 อยู่ที่ 5,299,000 บาท

iX3 M Sport

BMW iX3 M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ซึ่งโดดเด่นกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นอื่น ๆ ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

BMW iX3 M Sport ขับขี่สนุกอย่างอุ่นใจด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ปริมาตรความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การติดตั้งและน้ำหนัก 

BMW iX3 ขับขี่ได้ไกลถึง 460 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

iX3 M Sport (Inspiring) ราคาอยู่ที่ 2,999,000 บาท
และ  iX3 M Sport (Pro) ราคาอยู่ที่ 3,699,000 บาท

i7 xDrive60 M Sport

BMW i7 xDrive60 M Sport มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งเป็นระบบเดียวกับ BMW iX  

BMW i7 xDrive60 M Sport มาพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ 105.7 kWh สามารถชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 195 กิโลวัตต์ ใช้เวลาประมาณ 38 นาที ในการชาร์จไฟจาก 0 – 80% 

BMW i7 xDrive60 M Sport มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนผสานกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 kWh/100 กิโลเมตร 

i7 xDrive60 M Sport ให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดที่ 625 กิโลเมตร อัตราเร่งและแรงบิดทำให้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.7 วินาที และมอบความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

BMW i7 xDrive60 M Sport ราคาอยู่ที่ 8,099,000 บาท

มินิ คูเปอร์ เอสอี Resolute Edition

มินิ คูเปอร์ เอสอี Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหรา ให้ได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ตามแบบฉบับมินิ 

มินิ คูเปอร์ เอสอี ยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นตัวแทนของการผสานการขับขี่สไตล์โกคาร์ทกับเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัย มุ่งสู่การขับขี่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ อันเป็นหัวใจของรถมินิในอนาคต มินิ คูเปอร์ เอสอี รุ่น Resolute Edition สี Nanuq White ที่มาพร้อมความหรูหราแต่ยังกลิ่นอายความสปอร์ต ให้เดินทางได้สนุกกับการขับขี่ได้ไกลกว่าที่เคยและมากกว่าการขับขี่ในตัวเมือง ด้วยระยะขับขี่ 217 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และมอบความเร็วสูงสุดที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร สามารถโลดแล่นจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลา 7.3 วินาที มีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 47 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร 

ราคาจำหน่าย : 2,469,000 บาท (Light Chequered)
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)