ธุรกิจสีเทา ฟอกเงินดำให้เป็นขาว และความรวยอันลึกลับของเจ้าสัวบ่อน

19 มกราคม 2566 - 08:12

Business-billionaires-gansters-casino-macau-as-gambling-universe-part-two-SPACEBAR-Thumbnail
  • คาสิโนและบ่อน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์เป็นตัวช่วยธุรกิจสีเทาอย่างไร?

  • บทเรียนจากมาเก๊า ที่พวกแก๊งอาชญากรรมใช้การพนันถูกกฎหมาย เพื่อทำเงินดำให้กลายเป็นเงินขาว

อย่างที่เกริ่นไปใน มาเก๊าบนถนนที่ปูด้วยเงินพนัน มาเก๊ามีจุดกำเนิดจากการติดสินบน และยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้เพราะเงินจากการพนัน ดังนั้นชีวิตและความเป็นไปของมาเก๊าจึงคาบเกี่ยวกับโลกสีเทาๆ มาโดยตลอด 

แน่นอนว่ามีช่วงยาวๆ ที่มาเก๊าเป็นดินแดนที่เชื่อมต่ออารยธรรมตะวันตกกับตะวันออกและศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกในภูมิภาคตะวันออกไกล แต่เราจะละมันไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะในเวลานี้เราจะพูดถึงชีวิตของมนุษย์สามัญที่มีโลภ โกรธ หลง ในดินแดนแห่งนี้ 

หลังจากที่มาเก๊าหมดหน้าที่ในฐานะศูนย์กลางการค้าและศาสนาของโปรตุเกส ก็เป็นช่วงที่โปรตุเกสตกต่ำลง เสื่อมอำนาจการเมืองจนเป็นประเทศชายขอบของยุโรป และกลายเป็นอดีตคนเคยรวย  

ล้วงลึกวงการเจ้าพ่อมาเก๊า 

เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จีนในสมัยปลายราชวงศ์ชิงและช่วงต่อยุคสาธารณรัฐเสื่อมถอยลงเช่นกัน มาเก๊ากลายสภาพเป็นดินแดนเสรีของแก๊งอาชญากรรม หรือพวก ‘อั้งยี่’ 

เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองจีนในที่สุด พวกอั้งยี่ก็หนีมาปักหลักที่ฮ่องกงกับมาเก๊า เพื่อหนีการกวาดล้าง ‘พวกกุ้ย’ ซึ่งถือเป็นภัยต่อระบอบสังคมนิยมที่ต้องถูกกำจัดสถานเดียว ลงมักกำจัดก้วยการฆ่าทิ้ง 

เทียบกับฮ่องกงแล้ว ฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางความเคลื่อนไหวใต้ดิน แต่เมื่อต้องการขึ้นมาบนดินบางครั้ง แก๊งอาชญากรรมจะข้ามมาที่มาเก๊าที่จริงจังกับการจับตาพวกอั้งยี่น้อยกว่า เช่น เมื่อพวกอั้งยี่จะทำพิธีรับสมาชิกใหม่โดยไม่ต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ พวกนี้ก็จะข้ามมาที่มาเก๊า เพื่อประกอบพิธีอย่างใหญ่โตแบบไม่ต้องพะวงว่าจะถูกกวาดล้าง 

ความหละหลวมของตำรวจมาเก๊า เป็นเหตุที่ทำให้พวกอั้งยี่ที่นี่โหดยิ่งกว่าที่อื่น หนึ่งในหัวหน้าแก๊งที่เหี้ยมสุดๆ คนหนึ่ง คือ หวั่นกว็อกเก๋ย (Wan Kuok-koi) ฉายา ‘เก๋ยฟันหัก’ แห่งแก๊ง 14K เขาเหี้ยมขนาดวางแผนลอบสังหารผู้บัญชาการตำรวจมาเก๊า และข่มขู่เอาชีวิตใครก็ตามในมาเก๊าที่กล้ายุ่งเกี่ยวกับศัตรูของเขา 

เจ้าพ่ออีกคนที่ไม่ใช่คนในวงการใต้ดินเป็นวงการบนดิน คือ พี่น้องตระกูลฟู่ผู้ที่ทำให้มาเก๊าเป็นดินแดนแห่งนักพนันในยุคแรก พี่น้องสองคนนี้คือตำนานแห่งบ่อนสไตล์จีนในมาเก๊า คือ ฝู่โล่วหยง ผู้เป็นอาเฮีย และ ฟู่ตั๊กหยัม (Fu Tak Iam) ผู้เป็นอาตี๋ 

โดยเฉพาะ ฟู่ตั๊กหยัม นั้นเริ่มต้นอาชีพเจ้าพ่อด้วยการทำธุรกิจค้าฝิ่น ทำบ่อน และค้าอาวุธ  

สองเฮียตี๋คู่นี้แม้จะเป็นเจ้าพ่อบ่อน แต่ยังสู้เจ้าพ่ออั้งยี่ไม่ได้ อย่างกรณีของ ฟู่ตั๊กหยัม เขารวยล้นฟ้าและคุมบ่อนในมาเก๊าอยู่ในมือ แต่ก็ยังไม่วายถูกพวกแก๊งอั้งยี่ลักพาตัวกลางวันแสกๆ เพื่อเรียกค่าไถ่ และเมื่อลูกของเขาดันไปแจ้งตำรวจ พวกคนร้ายจึงตัดหูส่วนบนของ ฟู่ตั๊กหยัม ส่งมาข่มขู่  

เหตุการณ์ครั้งนั้น ฟู่ตั๊กหยัม รอดมาได้ แต่มันแสดงให้เห็นมาเก๊าเถื่อนแค่ไหน 

สีเงินและสีทองในโลกสีเทา 

ก่อนที่ STDM จะคว้าสัมปทานการพนันมาครองนั้น ธุรกิจการพนันอยู่ในมือของตระกูลฟู่  หนึ่งในลูกมือที่ในบ่อนของตระกูลฟู่ คือ นักพนันที่ชื่อ เย่ฮั่น หรือในชื่อภาษากวางตุ้งว่า ‘ยิปหอน’ (Yip Hon) เขาเป็นเซียนพนันมือทองถึงขนาดที่ใช้การทอยลูกเต๋าเดิมพันเพื่อโค่นแก๊งผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นลงได้ ความที่หาตัวจับได้ยากในโลกแห่งการพนัน ทำเขาให้ได้รับฉายาว่า  ‘กุ้ยอ๋อง’ หรือ ราชาผี 

เมื่อ ยิปฮอน กลายเป็นราชาแห่งผีพนันแล้ว เกิดไปขัดผลประโยชน์กับลูกพี่เก่า คือ คนตระกูลฟู่ ทำให้เขาหันมาจับมือกับกลุ่มธุรกิจฝั่งตรงกันข้ามกับนายเก่า นั่นคือ กลุ่มของ สแตนลีย์ โฮ  

ยิปฮอน คนจึงกลายเป็นแกนนำสำคัญคนหนึ่งในการก่อตั้ง STDM แน่นอนว่าชีวิตของเขาวนเวียนอยู่ในโลกสีเทาและแก๊งอาชญากรรม 

หุ้นส่วนอีกคนคือ ฮั่วอิงตง หรือในชื่อกวางตุ้งว่า ‘ฟกยิ๋งต๋ง’ (Henry Fok Ying-tung) ที่เคยทำธุรกิจลักลอบขนสินค้าและอาวุธเข้าจีนในช่วงสงครามเกาหลีทั้งๆ ที่สหประชาชาติห้ามชาติสมาชิกค้าขายกับจีนโดยเด็ดขาด 

แม้แต่ สแตนลีย์ โฮ ที่อยู่ในตระกูลชนชั้นสูงและเศรษฐีฮ่องกงก็มีข่าวว่าพัวพันกันแก๊งอาชญากรรม แม้ว่าเขาขจะปฏิเสธเสียงแข็งก็ตาม แต่สื่อก็ยังไม่ยอมเชื่อเขา และจะโยงเขาว่ามีความสัมพันธ์กับพวก ‘อั้งยี่’ ซึ่งไปห้ามสื่อไม่ให้สงสัยก็คงไม่ได้ เพราะ สแตนลีย์ โฮ ถูกรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียขึ้นบัญชีดำฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอั้งยี่ 

บ่อนคือตัวช่วยฟอกเงิน 

เงินจากธุรกิจสีเทาและจากองค์กรสีดำเป็นสิ่งที่หามาได้ง่ายๆ และมากมายมหาศาล แต่ยากที่จะนำเอามาใช้ในโลกสีขาว เพราะมันต้องผ่านการชี้เแจงที่มาที่ไปให้ชัด ดังนั้นธุรกิจสีเทาและองค์กรสีดำจึงต้องอาศัยการฟอกเงิน เพื่อทำให้ธุรกิจสีเทากลายเป็นธุรกิจปกติ และเงินสีดำกลายเป็นเงินสีขาว 

วิธีฟอกเงินที่นิยมกันมากที่สุด คือการนำเงินไป ‘ล้าง’ ในคาสิโน ความซับซ้อนของการล้างเงินให้ขาวถูกเปิดเผยโดยรัฐบาลแคนาดาที่ทำการสอบสวนเส้นทางการเงินสกปรกในประเทศ จนได้รายงานมาฉบับหนึ่งซึ่งเรียกขบวนการฟอกเงินผ่านคาสิโนในมาเก๊าและลาสเวกัสว่า The Vancouver Model 

มันถูกเรียกว่า ‘โมเดล แวนคูเวอร์’ เพราะแวนคูเวอร์เต็มไปด้วยคนจีน และในหมู่คนจีนก็ย่อมมีพวกอั้งยี่เคลื่อนไหวอยู่ และแก๊งพวกนี้จะใช้วิธีการฟอกเงินด้วยการโอนเงินผ่านบัญชีลับๆ ระหว่างกัน จากนั้นนัดไปเจอกันที่คาสิโน แล้วถอนเงินออกมาซื้อชิปแล้วเล่นพนัน เมื่อเล่นได้พอประมาณแล้วจะนำชิปไปแลกเงินคืนมา เงินที่แลกมาไม่ต้องผ่านการตรวจสอบมากนัก เพราะขึ้นชื่อว่าออกมาจากบ่อนอยู่แล้ว ดังนั้น เงินดำมากมายจึงถูกส่งเข้าไปล้างในคาสิโนแล้วออกมาเป็นเงินสีขาว มาเก๊าเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินให้ขาวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของแก๊งจีน ทั้งในแคนาดาและที่อื่นๆ ทั่วโลก 

ที่แคนาดาต้องมาตรวจสอบการฟอกเงิน ก็เพราะคนจีนและแก๊งจีนนำเงินฟอกขาวไปซื้อและปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ในแคนาดาเพื่อที่จะฟอกเงินให้สะอาดอีกน้ำหนึ่ง จนราคาบ้านและที่ดิรแพงเกินกว่าที่คนท้องถิ่นจะซื้อไหว ยังไม่นับการที่แก๊งพวกนี้ได้เงินจากการขายยาโอปิออยด์ (Opioid) ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของฝิ่น และคนในอเมริกาเหนือเสพติดกันมาก จนกระทั่งกลายเป็นวิกฤกตการเสพโอปิออยด์ที่เลวร้ายมากในแคนาดาและสหรัฐ ดังนั้น การฟอกเงินผ่านบ่อนคือหายนะที่ทำลายชาติชัดๆ  

มาเก๊าคือตัวช่วยการทำลายชาติแคนาดา แต่คาสิโนมาเก๊าไม่ได้แค่เป็นส่วนสำคัญของ The Vancouver Model พวกเขายังมีวิธีการฟอกเงินอีกอย่างที่เรียกว่า Junket ซึ่งมีความหมายถึงการเลี้ยงฉลองหรือเสพสุขของพวกข้าราชการและนักการเมืองโดยใช้เงินของประชาชนผู้เสียภาษี 

ที่คาสิโนในมาเก๊าจะมีพวกนายหน้าที่คอยรับรองแขกวีไอพี (โดยเฉพาะข้าราชการและเสี่ยจากจีน) คนพวกนี้เรียกว่าเอเย่นต์ Junket ซึ่งเบื้องหน้าจะบริการแขกวีไอพีพวกนี้ราวกับราชาด้วยบริการพิเศษสุด แต่เบื้องหลังเอเย่นต์ Junket จะคอยรับส่งเงินจากแขกวีไอพีพวกนี้ผ่านการเล่นในบ่อน เงินที่ไหลเข้ามาจะสูงมาก แต่เพราะมันผ่านบริการที่ดูเหมือนจะใช้เงินเยอะเหมือนกัน ทำให้เอาผิดไม่ได้ว่าเป็นการฟอกเงิน  

พวกเสี่ยและพวกระดับบิ๊กๆ จากจีนมักมาทำความสะอาดเงินที่มาเก๊าด้วยวิธีนี้ และคาสิโนในมาเก๊ารวมถึงพวกเอเย่นต์ Junket ก็ทำเงินมหาศาลจากบริการนี้

แต่รัฐบาลจีนรู้ทัน และเริ่มการกวาดล้างมาหลายปีแล้ว ทั้งจับพวกเสี่ยและบิ๊กในบ้านเข้าคุกเป็นจำนวนมากฐานฟอกเงินและคอร์รัปชั่น และยังบีบให้มาเก๊าเล่นงานพวก Junket ด้วย ผลก็คือเมื่อจีนเอาจริงกับเรื่องนี้ หุ้นของคาสิโนมาเก๊าพากันร่วงเป็นแถบๆ นั่นก็เพราะความอยู่รอดของคาสิโนมาเก๊าอิงแอบแนบชิดกับการฟอกเงินด้วยนั่นเอง 

ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ผู้ที่มีฉายาว่า ‘ราชา Junket’ ที่ชื่อ แอลวิน โจว (Alvin Chau) หรือ โจวจัวหัว ถูกตัดสินจำคุก 18 ปี ฐานฉ้อโกง ฟอกเงิน และเปิดบ่อนผิดกฎหมาย นี่คือบิ๊กบอสคนล่าสุดที่ถูกโยนเข้าคุก เพราะจีนไม่ยอมปล่อยให้มาเก๊าเป็นสวรรค์ของอั้งยี่แหละพวกคนคดโกงบ้านเมืองอีก  

เงินพนันสร้างชาติแต่ทำลายคน 

ดูเหมือนว่าคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของเจ้าพ่อคาสิโนก็คือต้องเป็นคนในโลกสีเทาๆ และดูเหมือนว่าทางการมาเก๊าจะไม่สนใจว่าพวกเขาจะเทา ขาว หรือดำ ขอแค่ไม่ชั่วร้ายจนประเจิดประเจ้อ และหาเงินเข้ามาได้เป็นพอ 

แต่เมื่อการหาเงินของมาเก๊าเริ่มไปรบกวนความสงบสุขของบ้านเมืองอื่น มาเก๊าก็ต้องเก็บกวาดโลกสีเทาของตัวเองก่อนที่จะถูกประเทศใหญ่ๆ ใช้กำลังบีบบังคับให้ปรับปรุงตัว 

แต่มาเก๊าก็ต้องใช้เงิน และการพัฒนาประเทศต้องใช้เงิน คำถามก็คือจะเอาเงินมาจากไหน? สำหรับประเทศที่ค้าขายเก่งๆ ก็ย่อมหาเงินได้ไม่ยาก ประเทศที่มีธุรกิจคึกคักและประชาชนมีรายได้สูง รายได้ก็ย่อมมาจากภาษีที่สูง แล้วมาเก๊าล่ะ? มาเก๊าเคยเป็นแค่ดินแดนที่คนส่วนใหญ่ทำประมงง่ายๆ รายได้ของมันจึงน้อยถึงน้อยที่สุด ในขณะที่เจ้าอาณานิคมอย่างโปรตุเกสก็ไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวยอีกต่อไป ดังนั้นมาเก๊าจึงมีชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ  

จนกระทั่งเงินจากอุตสาหกรรมไหลบ่าเข้ามา มันเข้ามาเป็นหลักพันล้านดอลลาร์ และทำให้รัฐบาลมาเก๊ามีเงินเป็นกำๆ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาใช้เงินนั้นทำโครงการสะพานเชื่อเกาะทั้งสามเกาะ นำมาสร้างเส้นทางรถไฟขนาดย่อม และที่สำคัญเงินมันมากพอที่จะ ‘ซื้อแผ่นดินจากทะเล’ นั่นคือโครงการถมทะเลสร้างพื้นที่เพิ่ม เพราะมาเก๊ามีพื้นที่จะกัดเอามากๆ แต่เงินมหาศาลจากคาสิโน ทำให้พวกเขามีดินแดนเพิ่มขึ้นมาแบบไม่คาดคิดด้วยวิธีนี้   

พวกเขายังมีเงินเหลือพอที่จะนำไปอัดฉีดโครงการอนุรักษ์อาคารเก่า เพราะมาเก๊ามีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบ 500 ปีและเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโปรตุเกสที่หาชมได้ยาก ของโบราณเหล่านี้ไม่ต้องถูกทำลายลงเพราะเงินจากการพนันนี่เอง ตรงกันข้ามกับฮ่องกงที่มีประวัติศาสตร์ 100 กว่าปีและพอมีอาคารโบราณอยู่บ้าง แต่พวกมันกลับต้องถูกรื้อทิ้งและหลีกทางให้กับการพัฒนาเมืองใหม่  

ในแง่หนึ่ง เพราะรายได้จากอุตสาหกรรมคาสิโนนี่เองที่ทำให้เมืองเก่าของมาเก๊าอยู่รอดมาได้ และทำให้มันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย  

แต่ท่ามกลางความรุ่งเรือง สังคมมาเก๊าซ่อนโลกสีดำที่โหดเหี้ยมเอาไว้ มันยังมีระบบฟอกเทาให้กลายเป้็นเงินขาวที่มีประสิทธิภาพมาก ถ้าธุรกิจและเงินพวกนี้ได้มาโดยกระทบกับชีวิตผู้คนก็ว่าไปอย่าง แต่มันเป็นเงินจากธุรกิจค้ายาเสพติดที่ฆ่าคนทั้งเป็น และเป็นเงินที่พวกคนใหญ่คนโตยักยอกมาจากภาษีที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของประชาชน 

คาสิโนอาจจะเป็น Entertainment complex ก็จริง แต่มันเป็นตัวช่วยชั้นดีของ Organized crime ได้เหมือนกัน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์