อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... (การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาต่อ ซึ่งหากผ่านขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำกลับเข้าพิจารณาใน ครม.อีก
ทั้งนี้ เรื่องการจัดเก็บภาษีขายหุ้น หรือ Financial Transaction Tax เป็นการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องเก็บภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย แต่ภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 หรือยกเว้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การกลับมาจัดเก็บครั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบนักลงทุนรายย่อยมากเท่ากับนักลงทุนรายใหญ่ และกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นล้านบาท
ซึ่งในการจัดเก็บนั้น จะให้โบรกเกอร์ซึ่งดูแลพอร์ตซื้อขายของนักลงทุนอยู่แล้ว เป็นผู้เก็บและนำส่งกรมสรรพากร เช่นเดียวกับที่โบรกเกอร์เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ โดยภาษีขายหุ้นนี้คาดว่าจะเริ่มเก็บในไตรมาส 2 ปีหน้า แต่ในช่วงปีแรก หลังกฎหมายมีผลใช้บังคับจะลดการจัดเก็บภาษีลงมาครึ่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่นแล้วจะเก็บในอัตรา 0.0555% จากอัตรา 0.11% ซึ่งการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนี้ เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียภาษีทุกราย และเป็นไปตามแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐ
ทั้งนี้ มติ ครม.เรื่องเก็บภาษีขายหุ้น ไม่ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเหมือนกับวาระประชุมอื่น ขณะที่กระทรวงการคลัง ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดแถลง 14.00 น. ภายหลังประชุม ครม.เสร็จสิ้น ก็ได้เลื่อนการแถลงข่าวนี้ออกไปเช่นกัน
ทั้งนี้ เรื่องการจัดเก็บภาษีขายหุ้น หรือ Financial Transaction Tax เป็นการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องเก็บภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย แต่ภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 หรือยกเว้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การกลับมาจัดเก็บครั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบนักลงทุนรายย่อยมากเท่ากับนักลงทุนรายใหญ่ และกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นล้านบาท
ซึ่งในการจัดเก็บนั้น จะให้โบรกเกอร์ซึ่งดูแลพอร์ตซื้อขายของนักลงทุนอยู่แล้ว เป็นผู้เก็บและนำส่งกรมสรรพากร เช่นเดียวกับที่โบรกเกอร์เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ โดยภาษีขายหุ้นนี้คาดว่าจะเริ่มเก็บในไตรมาส 2 ปีหน้า แต่ในช่วงปีแรก หลังกฎหมายมีผลใช้บังคับจะลดการจัดเก็บภาษีลงมาครึ่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่นแล้วจะเก็บในอัตรา 0.0555% จากอัตรา 0.11% ซึ่งการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนี้ เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียภาษีทุกราย และเป็นไปตามแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐ
ทั้งนี้ มติ ครม.เรื่องเก็บภาษีขายหุ้น ไม่ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเหมือนกับวาระประชุมอื่น ขณะที่กระทรวงการคลัง ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดแถลง 14.00 น. ภายหลังประชุม ครม.เสร็จสิ้น ก็ได้เลื่อนการแถลงข่าวนี้ออกไปเช่นกัน
