จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้นำร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาและแปรญัตติภายในระยะเวลาที่สภาฯ กำหนดต่อไป
สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ยังคงมีหลักการเช่นเดียวกับที่ ครม. เคยมีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกัน จากเดิมที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายเท่านั้น
2.เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรในการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องเสนอ ครม. เช่น เสนอแนะนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือการกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.
3.แก้ไขกลไกการได้มาซึ่งผู้อำนวยการสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร โดยให้คณะกรรมการนโยบายฯ มีอำนาจแต่งตั้ง จากเดิมที่กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายฯแต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของ ครม.
4.กำหนดกรอบนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่คณะกรรมการนโยบายฯเสนอแนะต่อ ครม.อย่างน้อยต้องประกอบด้วย
(1) การกำหนดจำนวนใบอนุญาตฯ (2) พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร (3) หลักเกณฑ์การพิจารณาร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (4) มาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (5) กำหนดเพิ่มเติมให้พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย
(6) ให้กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน โดยเฉพาะสถานที่จัดให้มีการเล่นพนันซึ่งจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร แล้วแต่กรณีใดจะน้อยกว่ากัน (กำหนดใหม่) (7) กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงถือว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างและใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประเภทธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตที่จัดให้มีกาสิโนเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (กำหนดใหม่)
(8) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโนโดยต้องมี (8.1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (8.2) ระบบควบคุมกาสิโน ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และ (8.3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน (กำหนดใหม่) (9) กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
(10) ห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดจ้างหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดแก่บุคคลอื่น หรือเพิ่มยอดหรือจำนวนคนเล่นพนันในกาสิโน หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน (เดิมไม่มี) (11) เพิ่มเติมมาตรการปรับเป็นพินัย เช่น ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการที่สั่งให้ปฏิบัติข้อกำหนด และปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในกาสิโน
(12) เพิ่มเติมลักษณะการกระทำความผิดที่จะได้รับโทษทางอาญา เช่น การจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือถ่ายทอดการเล่นพนันในกาสิโน และกระทำการที่เป็นการเพิ่มยอดหรือเพิ่มจำนวนคนเล่นพนันหรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน
นายจิรายุ ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นฯ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... มาแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ 4 มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นฯตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- 14 มี.ค. 2568 มีผู้แสดงความคิดเห็น 71,289 คน และมีผู้เห็นด้วยร้อยละ 80 หรือคิดเป็น 57,000 คน
นายจิรายุ ย้ำว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะสนับสนุนส่งเสริมในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวของประเทศเป็นหลัก โดยจะไม่เน้นเรื่องคาสิโนที่มีอยู่เพียงแค่ 10% ของพื้นที่ฯ และจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.อย่างเคร่งครัด
ด้าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงย้ำ ร่าง พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ซึ่งจะประกอบด้วยสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อกระตุ้นการลงทุนและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศ
ขณะที่ประเด็น การเข้ากาสิโนของคนไทย ต้องมีเงินฝาก 50 ล้านในบัญชี ข้อนี้ยังอยู่ในร่าง พ.ร.บ.ใช่หรือไม่ จุลพันธ์ ย้ำว่า ยังมีเช่นเดิม ส่วนการเยียวยามีกำหนดอยู่ในกฎหมาย แต่ไม่ได้อยู่ในรูปกองทุน รวมถึงการช่วยเหลือด้านการศึกษา หรือ ชุมชนที่เป็นพื้นที่ตั้งของกาสิโน มีกลไกที่เป็นเงินเยียวยาอยู่ในกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องนี้เป็นประโยชน์มหาศาลกับประเทศ เม็ดเงินที่ได้รับจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท รัฐจะได้รับเงินในรูปแบบภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ เม็ดเงินที่ประชาชนจะได้รับผลทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น โรงแรมผ่านการท่องเที่ยว”
“วันนี้เรามองภาพประเทศไทยในอนาคต วาดฝันได้เลยว่าเราจะมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารระดับโลก สวนสนุกขนาดใหญ่ที่เป็นระดับเดียวกับ Disney ระดับเดียวกับ Universal เราจะเห็นสนามกีฬา อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่”
จุลพันธ์ กล่าว
สำหรับการดำเนินการในลำดับต่อไป จะมีการนำร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ ฉบับดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสภาฯ ต่อไป โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะมีการเจรจาเพื่อขอเลื่อนระเบียบวาระการประชุมร่างกฎหมาย ให้ทันสมัยประชุมนี้ หรือไม่เกิน 10 เม.ย.2568
ภายหลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบแล้ว จะมีการนำร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรฯ ฉบับดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว