ฮุน มาเนต สานเที่ยว ไทย-กัมพูชา รุกเชื่อมระบบชำระเงิน

8 ก.พ. 2567 - 03:30

  • จับตา เที่ยวไทย-กัมพูชา หลังนายกฯ ฮุน มาเนต ประกาศร่วมมือการค้า-การลงทุน โดยเฉพาะท่องเที่ยว

  • เผยถึงการพัฒนา ‘KHQR’ ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ใช้ในกลุ่มอาเซียน

  • ด้านสนั่น ชี้ เป็นโอกาสเอกชนสองประเทศ วาดหวังงมูลค่าการค้าร่วมกันเกิน 2 หมื่นล้านดอลล่าร์ ในปี 2028

cambodia-thailand-hun-manet-tourism-payment-system-asean-SPACEBAR-Hero.jpg

วงปาฐก Cambodia-Thailand Business Forum 2024 เนื่องในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จมหาบวร ธิบดี ฮุน มาเนต (His Excellency Samdech Moha Borvor Thipadei HUN MANET) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้ากัมพูชา ร่วมกันจัดขึ้น ดูเหมือนจะเห็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างกันมากขึ้น  

เพราะ สมเด็จมหาบวร ธิบดี ฮุน มาเนต ก็ได้กล่าวถึง การสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก กัมพูชามุ่งเน้นที่จะสานต่อความร่วมมือกับไทยในประเด็นด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “Two Kingdoms One Destination” รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งกัมพูชาได้มีการพัฒนา ‘KHQR’ ระบบการชำระเงินภายในประเทศกัมพูชา เพื่อเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนภายในกลุ่มอาเซียน

cambodia-thailand-hun-manet-tourism-payment-system-asean-SPACEBAR-Photo01.jpg

ขณะเดียวกันยังได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางการค้า รวมถึง การอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดน โดยได้เชิญชวนนักลงทุนไทยให้เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชามีจุดแข็ง 5 ด้านคือ  

  1. การเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ  
  2. เศรษฐกิจที่เปิดกว้างจากการที่กัมพูชามีความตกลงกับนานาประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี  
  3. มีแรงงานที่มีความรู้ด้านอาชีวะศึกษาและเทคนิค  
  4. การโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถอำนวยความสะดวกในการลงทุน  
  5. รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อนทางกฎและระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจไทย 

ด้าน สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บอกเช่นกันว่า เอกชนไทยก็เล็งเห็นศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะนโยบายที่เปิดกว้างของรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ฉะนั้น การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ณ ทำเนียบรัฐบาล ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น  

โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักธุรกิจไทยและกัมพูชาร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชาในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ความร่วมมือทางการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางการแพทย์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยและกัมพูชาให้มีมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เกิน 20,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี 2028

cambodia-thailand-hun-manet-tourism-payment-system-asean-SPACEBAR-Photo02.jpg

ขณะที่ เนี้ยะ อกญา กิต เม้ง ประธานหอการค้ากัมพูชา กล่าวด้วยว่า การพบปะกันครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความร่วมมือครั้งสำคัญของภาคเอกชนระหว่างสองประเทศ โดยไทยถือเป็นนักลงทุนที่สำคัญของกัมพูชาในหลากหลายธุรกิจ ทั้งภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยาง ส่วนภาคการท่องเที่ยวมีการเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และบริการทัวร์ ด้านธุรกิจค้าปลีกไทยยังมีส่วนเข้าไปลงทุนและขยายสาขาทั่วประเทศ  

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากัมพูชามีเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 7% ประกอบกับมีแรงงานและค่าแรงในอัตราที่เหมาะสม กัมพูชาจึงเป็นทางเลือกสำคัญที่มุ่งหวังให้ภาคธุรกิจไทยเข้าไปขยายการลงทุนให้เพิ่มขึ้นในอนาคต 

เรียกได้ว่า การประกาศความร่วมมือทางการค้า-การลงทุนครั้งนี้ ยังเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญของทั้งสองฝ่าย ร่วมรับรู้ ไม่ว่าจะเป็น ซุน จันทอล และ สก จินดาโซเฟีย รองนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายฮุน ซาเรือน เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย, และพลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา พร้อมผู้แทนภาคเอกชนไทยและภาคเอกชนกัมพูชา ที่ได้เข้าร่วมกว่า 300 คน หากเป็นไปตามเป้า ก็เชื่อว่า การค้าระหว่างกันที่มีมูลค่า 20,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี 2028 คงไม่ไกลเกินฝัน

cambodia-thailand-hun-manet-tourism-payment-system-asean-SPACEBAR-Photo04.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์