น้ำท่วม เป็นปัญหาทั้งกับชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘บ้าน’ และ ‘รถ’ ... เราเห็นบ้านหลังน้ำลด มีโคลนให้ต้องทำความสะอาดอย่างยากลำบาก!!! รถก็เช่นกัน ไม่ว่าเราจะจอดนิ่งอยู่กับที่ แล้วถูกน้ำท่วม หรือมีเหตุให้ต้องขับรถลุยน้ำท่วม ล้วนมีความเสียหายเกิดขึ้นตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงเสียหายหนัก จนบางเคสอาจต้องเปลี่ยนรถคันใหม่เลยทีเดียว การจัดการดูแลรถหลังน้ำท่วมอย่างถูกต้อง ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะความเสียหายซ้ำซ้อนอาจเกิดขึ้นกับรถของคุณ ดังนั้น ข้อควรรู้ที่สำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหาย และเพื่อบริษัทประกันภัย รับผิดชอบ มีคำแนะนำ ต่อไปนี้
1. ห้ามสตาร์ตรถ : การพยายามสตาร์ทรถที่ถูกน้ำท่วมอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงขึ้น เช่น เครื่องยนต์พัง โดยเฉพาะหากน้ำเข้าถึงเครื่องยนต์ ควรให้ช่างมืออาชีพตรวจสอบก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้น หากสตาร์ตเครื่องยนต์ไปก่อน หากมีประกัน จะเป็นเหตุให้บริษัทประกัน ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายจากภัยน้ำท่วมได้ หรือคือการ ‘ไม่รับเคลม’ นั่นเอง
2. ประเมินระดับน้ำ-ติดต่อประกันภัย (ถ้ามี) : ตรวจสอบว่าระดับน้ำ ท่วมถึงระดับใด และถ่ายรูปบันทึกความเสียหายไว้เป็นหลักฐาน
3. แจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเช็กสภาพรถและประเมินความเสียหาย ประกันชั้น 1 มักจะครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วม แต่ประกันชั้นอื่นอาจไม่ครอบคลุม ทั้งนี้ บริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความเสียหายและประเมินว่ารถยนต์อยู่ในสภาพซ่อมแซมหรือควรเคลมเป็นค่าทดแทน
4. ประเมินความเสียหาย : ให้ช่างที่ชำนาญการตรวจสอบระบบต่างๆ ของรถ เช่น เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบไฟฟ้า ระบบเบรก ระบบระบายความร้อน และระบบแอร์อย่างละเอียด ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าถึงส่วนใดบ้าง
5. ลากรถไปยังศูนย์ซ่อมหรืออู่ : ติดต่อบริการลากรถเพื่อนำรถไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่มีประสบการณ์ในการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม อย่าพยายามเคลื่อนย้ายรถเองถ้าไม่มีความจำเป็น
6. ถ่ายของเหลวทุกชนิด : เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำมันอื่น ๆ ทั้งหมด เนื่องจากน้ำอาจปนเปื้อนและทำให้ระบบเสียหายได้
7. ตรวจสอบและซ่อมแซมระบบไฟฟ้า : ระบบไฟฟ้าอาจเป็นส่วนที่เสียหายหนักที่สุด ควรตรวจสอบแบตเตอรี่ สายไฟ ฟิวส์ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด หากมีการเสียหายควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันที
8. การทำความสะอาดรถยนต์ : การถอดชิ้นส่วนภายในที่เปียกออกมาทำความสะอาดแยกเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรล้างรถทั้งภายนอกและภายใน เพื่อขจัดคราบน้ำและโคลน เช่น พรม เบาะที่นั่ง ส่วนประกอบภายในที่เปียกน้ำ นำออกจากรถ ทำความสะอาด และตากให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นระยะยาว
9. ทดสอบรถหลังซ่อมแซมทั้งหมด : แต่ต้องทดลองขับรถในพื้นที่ที่ปลอดภัย ตรวจสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ หากพบปัญหาเพิ่มเติม ควรแจ้งกลับไปที่ศูนย์ซ่อมทันที
10. วางแผนการบำรุงรักษาระยะยาว : หลังจากการซ่อมแซมแล้ว รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมอาจเกิดปัญหาในอนาคตได้อีก ควรวางแผนการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วมมีประสิทธิภาพและลดความเสียหายเพิ่มเติมได้