นายญนน์ โภคทรัพย์ นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ซีอาร์ซี เผย สมาคมฯ อยากเสนอรัฐบาลออกกฎหมายควบคุมสินค้าจีนที่ขณะนี้ส่งออกสินค้าต่างๆ เข้ามาขายในประเทศไทย ‘ราคาถูกมาก’ จนทำให้ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และเอสเอ็มอีไทยแข่งขันด้านต้นทุนได้ยากขึ้น หลังสินค้าจีน มีความได้เปรียบด้านภาษี โดยสิ่งนี้ยังเป็นเป็นปัญหาหลักทำเศรษฐกิจไทยไม่เติบโต โดยปัญหานี้จะแก้ได้ รัฐบาลควรปรับกฎหมายไทยให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำด้านภาษี รวมถึงภาครัฐต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของคนไทยมีความสามารถแข่งขันได้
“ก็ตอกย้ำครับว่า ตอนนี้สินค้าจีน ขายอยู่บนโลกดิจิทัล 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดมาจากเมืองจีน เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่แบรนด์คนไทยไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้เลยถ้าเราไม่สามารถที่จะปรับปรุงเรื่องพวกนี้ ที่ผ่านมาจีดีพีไทย เติบโต 3% มีค้าปลีก-บริการเติบโต 2% แต่ที่ผ่านมาจะโตช้ากว่าจีดีพีอยู่ อันนี้ก็เป็นสิ่งบ่งบอกอย่างหนึ่ง แต่จริงๆ ถามว่า เงินสะพัดไหม สะพัดเป็นแสนๆ ล้าน แต่ว่าไอแสนๆ ล้านเนี่ยะ มากกว่า 2 ใน 3 ไปต่างประเทศหมด เพราะฉะนั้น ถ้าเราดึงกลับมาแค่เนี่ยะ ผมคิดว่า จีดีพีไทยก็จะโตขึ้นละ”
นายญนน์ กล่าว
นายญนน์ ยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยว่า Easy E-Receipt ถือเป็นโครงการที่ดี รัฐใช้เงินน้อย แต่ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายได้มาก เพราะให้เงื่อนไขที่ดี ก็อยากให้มีมาตรการเช่นนี้อีก เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อต่อไป แต่สำหรับปัญหาที่กำลังเกิดหากรัฐบาลไม่เร่งแก้ ก็มีโอกาสทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยปีนี้เติบโตต่ำกว่าคาด
“ค้าปลีกมีลูกค้าอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีกำลังซื้อกับไม่มีกำลังซื้อ ที่ไม่มีกำลังซื้อรัฐบาลก็พยายามช่วยเรื่องหนี้นอกระบบ ก็ทำให้ถูกต้อง ขณะที่อีกเรื่อง ต้องมีการอัดฉีดเป็นจุดๆ ไป คิดว่า รัฐบาลจะมุ่งไปแบบนั้น โดยจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตหรือเปล่าก็ต้องดูไป ขณะที่อีกกลุ่ม คือกลุ่มมีกำลังซื้อ จัดว่าเป็นกลุ่มที่รัฐบาลใช้เงินน้อย เช่น Easy E-Receipt ที่ออกมา ถือว่าเงื่อนไขดี กระตุ้นเงินใช้จ่ายจากคนไทยที่เสียภาษีได้มาก ดังนั้น โครงการกระตุ้นสำหรับคนมีเงิน คนมีกำลังซื้อ ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลน่าทำมาก เมื่อเทียบกับการเจาะจงจากระบบ”
นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าว