เจาะลึกพื้นฐาน Bitcoin 2022 บอกอะไรได้ในปี 2023

9 ธันวาคม 2565 - 09:23

crypto-foundation-information-btc-reflect2023-SPACEBAR-Thumbnail
  • บทเรียนจาก FTX และสถาบันคริปโทฯ ล้มละลายใครผิดกันแน่ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ ‘คน’ ทุกครั้งไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ เทคโนโลยีภายใต้ระบบของบิตคอยน์ยังไม่เคยทำงานผิดพลาด

บิตคอยน์ราคาร่วง -76% ครั้งนี้ พื้นฐานแตกต่างจาก การร่วงราว -80% ตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ (ตั้งแต่กำเนิดบิตคอยน์ในปี 2019) เพราะเป็นครั้งแรกที่เหรียญถูกเทออกจากระรบจำนวนมหาศาลในช่วงตลาดหมี (ตลาดขาลง)  

อธิบายให้เห็นภาพ เราจะแบ่งบิตคอยน์ออกเป็น 4 ยุค ตามจำนวน Halving (การลดรางวัลปิดบล็อคลงครึ่งหนึ่ง)  

ยุคที่ 1 ( EPOCH1 ) ปี 2009 - 2011  

ยุคที่ 2 ( EPOCH2 ) ปี 2112 - 2015 

ยุคที่ 3 ( EPOCH3 ) ปี 2016 - 2019 

ยุคที่ 4 ( EPOCH4 ) ปี 2020 - ปัจุบัน 

เรามาดูกราฟนี้ และคำอธิบายแต่ละยุคใต้ภาพกัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4s5dg2TCYF75UoBEXQwE97/51086efe5a20d6eaa830f64e6f8a48ec/crypto-foundation-information-btc-reflect2023-SPACEBAR-Photo01

Epoch 1 การ Halving ครั้งที่ 1 ปี 2009 - 2011 


ยุคนี้เป็นยุคกำเนิดบิตคอยน์ราคาเลยร่วงลงไปต่ำสุดที่ 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บิตคอยน์ แต่ช่วงนี้คนยังไม่รู้จักเลยว่าบิตคอยน์คืออะไร ราวัลในการปิดบล็อค สูงถึง 50 บิตคอยน์ ต่อ บล็อค มี Exchange ซื้อขายบิตคอยน์แห่งเดียวคือ Mt.Gox และถูกแฮกไปหลายแสนเหรียญ และยังไม่มีบิตคอยน์เข้าสู่ระบบกระดานเทรดโลกอย่างชัดเจน 
 

Epoch 2 การ Halving ครั้งที่ 2 ปี 2012 - 2015 


หลังการ Halving ครั้งที่2 ราคาปิดบล็อคอยู่ที่ 25 บิตคอยน์ต่อบล็อค ระหว่างตลาดขาขึ้นปี 2013 เมื่อราคาบิตคอยน์ทะยานไปถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และขาขึ้นรุนแรงปี 2017 ราคาพุ่งถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อบิตคอยน์ 

ในยุคนี้มีบิตคอยน์เข้ามาอยู่ในกระดานเทรดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.42% เริ่มตั้งแต่หลัก ร้อยกว่าบิตคอยน์ไปจบที่หลักพันบิตคอยน์ 
 

Epoch 3 การ Halving ครั้งที่ 3 ปี 2016 - 2019 


ยุคนี้เริ่มนับตั้งแต่กลางปี 2016 หลังการ Halving ครั้งที่ 3 ที่ทำให้ราวัลปิดบล็อกต่อครั้งเหลือที่ 12.5 บิตคอยน์ เราได้เห็นปริมาณบิตคอยน์เพิ่มขึ้นในกระดานเทรดจากหลักพัน ไปเป็นล้านเหรียญ  

จนถึงปี 2019 ก่อนจบยุคนี้มีปริมาณบิตคอยน์ในกระดานเทรดราว 3 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ตลาดพังอย่างหนักในปี 2017 ช่วงโควิดราคาบิตคอยน์ตกจาก 20,000 ไปที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ 
 

Epoch 4 เริ่มต้นสู่การ Halving ครั้งที่ 4 ปี 2020 – ปัจจุบัน 


ยุคนี้ คือ ความแตกต่างที่ชัดเจน เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บิตคอยน์ที่มีการถอนเหรียญออกจากกระดานเทรด อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความรุนแรงในการถอนอย่างฉับพลันหลังจากเกิดเหตุการณ์ FTX ยื่นล้มละลายเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2022 ใน Glassnode  

แสดงให้เห็นว่า ภายใน 30 วันหลังเกิดเหตุการณ์บิตคอยน์ ถูกถอนออกจากระบบมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระแส  ‘Not your key, Not your coin’  

ยุคนี้บิตคอยน์ทำราคาต่ำสุดที่ 15,500 ดอลลาร์สหรัฐ จากจุดสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ 
 

บทเรียนจาก FTX และสถาบันคริปโทฯ ล้มละลายใครผิดกันแน่ 


การล้มของ FTX, LUNA, Voyarger, 3CE, BlockFi และอีกหลายที่ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า เหล่านี้ คือ Centralize หรือ ระบบที่มีศูนย์กลางควบคุม ไม่มีสักองค์กรเดียวที่ล้มลงเป็น DeCentralize หรือระบบกระจายศูนย์กลาง  

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ ‘คน’ ทุกครั้งไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ เทคโนโลยีภายใต้ระบบของบิตคอยน์ยังไม่เคยทำงานผิดพลาด  

สิ่งที่เกิดขึ้นสะเทือนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกระดานเทรด หรือองค์กรที่มีศูนย์กลางควบคุมเหล่านี้ ทำให้พื้นฐานของบิตคอยน์เปลี่ยนโครงสร้างไปด้วย 

นักลงทุนเลิกเชื่อกระดานเทรด กลับมาถือเหรียญเอง ปริมาณเหรียญบิตคอยน์ที่ถูกขุดขึ้นมาแล้วในปัจจุบัน 19.2  ล้านเหรียญจาก 21 ล้านเหรียญ  มีสัดส่วนการถือครองเอง หรือเก็บไว้ใน cold wallet มากถึง 78%  

ซึ่งใครคิดจะเป็นเจ้าครองบิทคอยน์ต้องทำความเข้าใจกับประเภท Wallet ให้ดี เพราะการฝากเงินไว้บนกระดานเทรดนั้นเรียกว่า Hot Wallet มีความปลอดภัยต่ำ และเงินพร้อมจะสูญหายทั้งจำนวน ถ้ากระดานเทรดล้มไป วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเก็บไว้เองที่ Cold Wallet  
 

เหรียญถูกเทออกจากกระดานเทรดบอกอะไรในปี 2023 


ทำความเข้าใจกันง่ายๆ คนจะถือบิตคอยน์หรือ คริปโทฯ เอาไว้ในเว็บเทรด เพื่ออะไร ก็เพื่อการเทรดระยะสั้นที่สะดวกสบาย กดได้ทันที ทันใจ สิ่งนี้จะทำให้เกิดการผันผวนของราคาอย่างมาก  

ตรงกันข้ามเมื่อเหรียญจำนวนมากถูกดึงออกมาจากกระดานเทรดเข้าสู่ Cold Wallet ของนักลงทุน เหรียญเหล่านี้มีแนวโน้มกลายเป็นเหรียญที่จะถูกถือครองในระยะยาว 

ยิ่งมีคนถือครองเหรียญในระยะยาวมากขึ้นราคาเหรียญก็มั่นคงขึ้น และมีโอกาสแข็งตัวหรือราคาสูงขึ้นด้วย 
 

เปรียบเทียบตลาดหมีครั้งล่าสุดกับปัจจุบัน เมื่อไหร่ตลาดจะกลับมา 


บิตคอยน์ฆ่าไม่ตาย ดิ่งเหวมาแล้ว 5 ครั้ง ตลาดหมีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างปี 2018 - 2019 ราคาบิตคอยน์ลงไป -84% ใช้เวลาลงมาสุด 136 วัน ส่วนตลาดขาลงที่กำลังเกิดขึ้นนั้นลงมาแล้ว -76% จึงมีความเป็นไปได้ว่าตลาดจะเป็นขาลงไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2023  

ซึ่งถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เราอาจจะได้เห็นขาขึ้นของตลาดคริปโทฯ หลังจากนั้น หรืออย่างน้อยราคาจะวิ่งออกไปด้านข้างและไม่น่าทำจุดต่ำสุดใหม่แล้วหลังจากนั้น 

ขอให้นักลงทุนทุกคนโชคดีและอย่าลืมศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างละเอียด การลงทุนในคริปโทฯ มีความเสี่ยง
 

ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทุนเต็มจำนวน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์