นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตและการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกโกงภายหลังสิงคโปร์เตรียมบังคับใช้กฎหมายให้ธนาคารและค่ายมือถือร่วมรับผิดชอบหากลูกค้าโดนหลอก ว่า ไทยเราก็มีการดำเนินการในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยเป็นการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกา
ทั้งนี้ ในรายละเอียดการแก้ไขพระราชกำหนดดังกล่าวมีหลายเรื่อง เช่น มาตรการที่หนึ่ง การมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบของแบงก์พาณิชย์และโอเปอเรเตอร์ มาตรการที่สอง คือการจ่ายเงินคืน และมาตรการที่สาม เพิ่มโทษผู้กระทำความผิด ส่วนรายละเอียดการคืนเงินให้กับผู้เสียหายอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งยังไม่มีกำหนดและไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภา สามารถดำเนินการได้ทันที และขณะนี้ตนเองก็เร่งรัดเรื่องนี้อยู่
“ถ้าเราออกมาตรการไปแล้วและหากโอเปอร์เรเตอร์และธนาคารไม่ปฏิบัติตามทำให้เกิดความเสียหายต้องมีส่วนร่วมในเงินที่ประชาชนเสียไป”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงดีอี มีการพูดคุยกับค่ายมือถือแล้ว ซึ่งทุกฝ่ายเห็นด้วยและเป็นมติของที่ประชุมว่า ต้องดำเนินการ เพื่อตัดทุกช่องทางของมิจฉาชีพ
ส่วนเรื่องจำนวนเงินที่จะคืนผู้เสียหาย ในการแก้ไขร่างพระราชกำหนดดังกล่าวระบุไว้อย่างไรนั้น นายประเสริฐ บอกว่า การดำเนินการต้องเข้าสู่กระบวนการสืบทราบที่มาที่ไป หากบางรายสามารถติดตามคืนได้เร็วก็สามารถคืนได้ทันที แต่หากทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่งและเงินไปอยู่ในบัญชีของมิจฉาชีพและดำเนินกานตรวจสอบที่มาที่ไปทางการเงินได้ ก็อาจจะยากลำบากหน่อย อันนี้เป็นอีกกรณีหนึ่ง
นายประเสริฐ ยังย้ำ ในวันที่ 1 มกราคม 2568 นี้ จะมีอีกหนึ่ง 1 มาตราการออกมาเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต คือมาตราการการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์ต่างๆ ที่จะมีการแนบลิงค์เพื่อลงทะเบียนผู้ส่งต้องแจ้งสถานะว่าเป็นใคร หากไม่พบข้อมูลผู้ส่งโอเปอเรเตอร์จะมีการระงับการส่งดังกล่าว
