ดีอี พบ โจรไซเบอร์-มิจฉาชีพ แปลงเงินที่หลอกประชาชนไปเป็นคริปโต วันละ 80 ล้านบาท เร่งคุย ก.ล.ต. แก้ระเบียบคุมการซื้อขายคริปโต แบบ P2P ชี้บัญชีสุดท้ายของมิจฉาชีพ-โจรไซเบอร์ แปลงเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล ผ่าน ‘พ่อค้าเหรียญ’ ที่ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายคุม
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผย ที่ประชุม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2567 ได้มีการขอให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แก้ระเบียบเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ P2P เนื่องจากบัญชีสุดท้ายของมิจฉาชีพ เป็นบัญชีที่โอนเงินออกไปแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศูนย์ซื้อขาย หรือเป็นการแปลงแบบบุคคลสู่บุคคล หรือ P2P (Peer to Peer)
นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้มีความสำคัญมากเพราะการแปลงเงินบาทเป็นคริปโต แบบ P2P คิดเป็น 80% ของความเสียหายจากอาชญกรรมทางเทคโนโลยีที่เฉลี่ยวันละ 100ล้านบาท หรือถูกแปลงเป็นเงินดิจิทัลกว่า 80 ล้านบาท
“บัญชีสุดท้ายของแก๊งมิจฉาชีพ เป็นการแปลงเงินบาทเป็นคริปโตเคอร์เรนซี โดยมี พ่อค้าเหรียญ เป็นคนกลางกฎหมายเรายังไม่ครอบคลุม ก.ล.ต. อาจออกระเบียบภายใน ถ้าเราป้องกันได้ก็จะสกัดการนำเงินบาทออกจากประเทศหรือนำออกจากระบบธนาคารได้”
ประเสริฐ กล่าว
ปัจจุบัน ระเบียบเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ ก.ล.ต. ครอบคลุมบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลราว 2 ล้านบัญชีทั้งที่เป็นบุคคลในประเทศ ต่างชาติ และนิติบุคคล ที่ใช้บริการผ่านศูนย์ซื้อขายหรือกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ ที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจกับ ก.ล.ต. ตาม พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
แต่ยังไม่มีระเบียบใดไปอุดช่องว่างของบุคคลที่ถูกเรียกว่า ‘พ่อค้าเหรียญ’ ซึ่งเป็นคนกลางในการแปลงเงินบาทเป็นสกุลเงินดิจิทัล คนเหล่านี้ต้องมีระเบียบไปควบคุมอุดช่องไม่ให้เงินบาทออกจากระบบไปได้
