‘หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน’ เป็นโครงการที่ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดทำขึ้น ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นธรรมทางการค้า รวมทั้งการยกระดับการกำกับดูแลด้านการชั่งตวงวัดให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง และเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดในการซื้อขายสินค้า
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เผย ขณะนี้ ‘หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน’ เปิดโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยโครงการนี้ กรมการค้าภายในจะมอบสัญลักษณ์ ‘หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน’ แก่สถานีบริการน้ำมันที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด อาทิ ตรวจสอบและรายงานผลการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันทุกเครื่อง เป็นประจำทุก 15 วัน เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นตรวจสอบและรายงานผลทุกเดือน ซึ่งจะทำให้หัวจ่ายน้ำมันที่ใช้นั้นได้รับการดูแลให้มีความถูกต้องตามมาตรฐานตลอดเวลา และสถานีบริการน้ำมันทุกแห่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายมาตราชั่งตวงวัดอย่างเข้มงวด

โดยสถานีบริการน้ำมันที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขได้อย่างถูกต้องต่อเนื่องกัน 6 เดือน จะได้รับ ตราสัญลักษณ์สีเงิน และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อเนื่องกัน 2 ปี จะได้รับตราสัญลักษณ์สีทอง ในทางกลับกันถ้าทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข หรือทำผิดกฎหมายเพียงครั้งเดียวก็จะถูกเพิกถอนตราสัญลักษณ์โดยทันที
โครงการ ‘หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน’ ถือเป็นมาตรการเสริม นอกเหนือจากมาตรการทางกฎหมายที่ได้ปรับปรุงให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยปรับลดอายุคำรับรองหัวจ่ายน้ำมันจากเดิม 2 ปี เป็น 1 ปี ปรับลดค่าความคลาดเคลื่อนสำหรับการตรวจสอบให้คำรับรองจากเดิม ±0.5% เป็น ±0.3% และสำหรับการตรวจสอบความเที่ยงระหว่างใช้งานจากเดิม ±1% เป็น ±0.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สูงที่สุดในอาเซียน
ทั้งนี้ กรณีใช้หัวจ่ายที่มีความคลาดเคลื่อน หรือใช้หัวจ่ายที่ไม่มีคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีดัดแปลงหัวจ่ายให้มีความคลาดเคลื่อนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท
“ขอขอบคุณผู้ค้าน้ำมันทุกแบรนด์ ทั้ง ปตท. (PTT) บางจาก (BCP) พีที (PT) ทีพีไอ (TPI) ซัสโก้ (SUSCO) เชลล์ (SHELL) คาลเท็กซ์ (CALTEX) และพี โอ ออยล์ (PO OIL) ที่ร่วมดำเนินโครงการฯ และพร้อมใจสนับสนุนโครงการ ‘หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน’ โดยได้ลงนาม MOU กับกรมการค้าภายในเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้สถานีบริการน้ำมันในสังกัดสมัครเข้าร่วม และบูรณาการในการขับเคลื่อนโครงการต่อไป และขอบคุณกระทรวงพลังงานและสภาองค์กรของผู้บริโภคที่จะเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายในการตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมได้มากยิ่งขึ้น”
— อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าว
