จากปัญหาทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลอ่าวไทยที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวประมงพื้นบ้านและอุตสาหกรรมประมงไทย กรมประมงจึงดำเนินมาตรการ “ปิดอ่าวไทย” เพื่อฟื้นฟูสัตว์น้ำในช่วงฤดูวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาในปี 2568 ซึ่งช่วงที่ 2 สิ้นสุดลงเมื่อเวลา 00.00 น. วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
สุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานลงพื้นที่ติดตามผลในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่าเรือประมงที่ใช้เครื่องมือประเภทอวนล้อมจับสามารถจับปลาทูและปลาลังได้ปริมาณมากในทันทีหลังหมดมาตรการ

โดยบางลำสามารถจับได้สูงถึง 10,000 กิโลกรัมภายในคืนเดียว สะท้อนถึงประสิทธิผลของการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ
กรมประมงยังคงเดินหน้าจัดมาตรการ “ปิดอ่าวไทยตอนในรูปตัว ก” ต่อเนื่องอีก 2 ช่วง ได้แก่
· ช่วงที่ 1: 15 มิ.ย. – 15 ส.ค. 2568
· ช่วงที่ 2: 1 ส.ค. – 30 ก.ย. 2568
ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่ง 8 จังหวัด ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์จนถึงชลบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้ปลาทูเติบโตและวางไข่ตามธรรมชาติ

นโยบายดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นการฟื้นฟูและใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาอาชีพประมงพื้นบ้านและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในระยะยาว
“ปลากลับมา รายได้ก็กลับมา” ชาวประมงกล่าวแสดงความดีใจ และขอให้รัฐเดินหน้าฟื้นทะเลไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท้องทะเลกลับมาอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง
