ข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโรล่าสุด ณ เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เปิดเผยถึงยอดสินเชื่อบัตรเครดิตในไตรมาสแรกของปี 2567 (มกราคม-มีนาคม) มียอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านใบ คิดเป็นเงินกว่า 5.5 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วไม่มากนักคือราว 3.2% และหดตัวจากสิ้นปีที่แล้ว 2566 ประมาณ 5.1%
แต่เริ่มเห็นถึงสัญญาณที่น่าเป็นห่วงจากปัญหาหนี้เสีย และหนี้ที่กำลังจะมีปัญหา ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากมาตรการที่กำหนดให้ผู้ใช้บัตรเครดิตต้องมีการจ่ายหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีการผ่อนผันให้จ่ายเพียง 5% ในช่วงการระบาดของ โควิด-19 โดยมีหนี้เสีย หรือ NPLs และหนี้กำลังจะเสีย SM เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ในส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็นหนี้เสีย NPLs ที่ค้างชำระเงิน 90 วัน มีจำนวนประมาณ 1 ล้านราย คิดเป็นยอดเงินราว 6.4หมื่นล้านบาท กระโดดขึ้นมาจากปีที่แล้วถึงราว 14.6%
ในเวลาเดียวกันยอดหนี้ที่เริ่มมีการผิดนัดชำระ SM - Special Mention หรือ หนี้ที่กำลังจะเสีย เริ่มมีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ได้แบบตะกุกตะกักติด ๆ ขัด ๆ ถึงราว 1.9แสนราย มูลค่าราว 1.2 หมื่นล้านบาท พุ่งสูงขึ้นถึง 32.4% จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นจากปลายปี 2566 ถึง 20.6% ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะมีการไหลเพิ่มและแรงกว่าเดิมหรือไม่ในอนาคต จากปัญหาค่าครองชีพที่เริ่มขยับสูงขึ้น ในขณะที่รายได้ของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง
เมื่อลงในรายละเอียดเชิงลึก จะพบว่าบัตรเครดิตที่เริ่มมีปัญหาผิดนัดชำระหรือ SM จำนวนเกือบสองแสนใบนั้นพบว่า เป็นบัตรที่เพิ่งเปิดมาไม่เกินสองปี จำนวน 3.6หมื่นใบ โดยอยู่ในมือของ คน Gen Y 2.3 หมื่นบัตร
บัตรที่เปิดมามากกว่า 2 ปีแต่ไม่เกิน 4 ปี มีจำนวน 3.9 หมื่นบัตร อยู่ในมือ Gen Y 2.7หมื่นบัตร Gen X 9.2พันบัตร
เปิดมามากกว่า 4 ปีแต่ไม่เกิน 6 ปี 4.5หมื่นบัตร อยู่ในมือคน Gen Y 3หมื่นบัตรGen X 1.2หมื่นบัตร
ต้องจับตามองว่า ยอดหนี้กำลังจะเสีย SM.จะไหลกลายเป็นหนี้เสีย NPLs. ในอีกไม่นานนี้มากน้อยแค่ไหนเท่าใด และทั้งหมดเริ่มทำให้เกิดคำถามว่า การกำหนดให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5%เป็น 8% และ 10%ตามลำดับ จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากสภาพเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแรง แต่กลับมีแนวโน้มว่าราคาสินค้าหรือภาวะเงินเฟ้อเริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่มียอดหนี้บัตรเครดิตสูง ๆ หรือ มีบัตรเครดิตหลายใบจะเริ่มมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ของการติดกับดักหนี้ในอนาคต