ในระหว่างการแถลงข่าวในงานสัมมนา Gulf Binance Deigital Asset Forum เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ประกาศถึงความมุ่งมั่นในการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จากความแข็งแกร่งและความพร้อมในทุก ๆ ด้านของกลุ่มกัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวล ลอปเม้นท์ ที่เป็นผู้นำในด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ทั้งเรื่องพลังงานและโทรคมนาคม ที่มาผนึกกำลังร่วมกับ กลุ่มไบแนนซ์ที่เป็นผู้ชำนาญด้านเทคโนโลยีด้านบริการสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับโลก
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จะดำเนินการผ่านกลยุทธ์หลักที่จะให้ความสำคัญกับ5 เรื่อง คือ
- การให้ความสำคัญกับลูกค้าซึ่งถือเป็นหัวใจ User First & Focus
- มุ่งเน้นการพัฒนาและต่อยอดอย่างต่อเนื่อง Keep Building
- การสร้างชุมชนและเครือข่ายผู้ใช้บริการ ในเรื่องอค์ความรู้ Community
- การสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคมตระหนักรู้ในวงกว้าง Driving Adoption through Education
- การกำกับดูแล โดยทำตามกฎระเบียบ ผ่านการทำงานและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ Regulatory & Compliance
นอกจากนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไบแนนซ์ ริชาร์ด เทง กล่าวว่า กัลฟ์ ไบแนนซ์ จะเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นใน DNA ของกลุ่ม ไบแนนซ์ ที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก คือ การให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการ การให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล และการทำงานร่วมกันกับหุ้นส่วนสำคัญ
ทั้งสองคนยืนยันว่าด้วยจุดแข็งของ กัลฟ์ และ ไบแนนซ์ ความร่วมมือนี้จะช่วยให้นักลงทุนในประเทศไทยเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้าน ตั้งแต่การมีโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศน์ หรือ Ecosystem ที่ดี เห็นได้ชัดจากความตื่นตัวของคนไทย และการเปิดกว้างในการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพียงแต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง
ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับ10 ของประเทศที่มีการครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัล และมีคนไทยราว 10% ของประชากรที่เข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีความตื่นตัวอย่างมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีหลายเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่น เช่นการล้มลงของแฟลตฟอร์มดังหลายราย รวมทั้งในไทย แต่ในช่วงเวลานี้เมื่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัล เริ่มฟื้นตัวกลับมา นักลงทุนก็เริ่มกลับมาให้ความสนใจใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่
กลุ่มกัลฟ์ ไบแนนซ์ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างแพลตฟอร์ม BinanceTH ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ให้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของไทย ภายใต้แนวคิด More with Binance TH โดยจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีเหรียญ ซื้อขายมากที่สุดถึง 120 โทเคน มีความแข็งแกร่งมากกว่าในด้านเทคโนโลยี มีเครื่องมือที่ช่วยในการซื้อขายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นบทวิเคราะห์ การจัดพอร์ตการลงทุน และการแจ้งเตอนการซื้อขาย และในช่วงของการเปิดตัว ยังมีแคมเปญที่จะให้รางวัลให้กับผู้ที่เข้ามาเป็นลูกค้าใช้บริการ


ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไบแนนซ์ ให้ความเห็นว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยยังคงเปิดกว้างให้มีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เข้ามา เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ในขณะที่ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทใหญ่ กัลฟ์มีระบบนิเวศน์ที่แข็งแกรง มีเอไอเอสที่มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าถึงกว่า 45 ล้านราย ทำให้สามารถจับมือเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ขณะที่ไบแนนซ์ มีเทคโนโลยีที่พัฒนาบน web3 มีความทันสมัย ความเสถียร และความน่าเชื่อถือที่จะเอามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยประเทศไทยมีโอกาสตลาดคริปโทและ web3 จะเติบโตอีกมาก บริษัทมีเครื่องมือในการลงทุนที่หลากหลาย จึงต้องพิจารณาว่ามีปัจจัยอะไรที่จะสนับสนุนให้นำเสนอผลิตภัณฑ์ในการลงทุนที่เหมาะสม
เขากล่าวอีกว่า ไบแนนซ์ จะมุ่งไปที่ผู้ใช้งานเป็นหลัก ความมั่นใจของผู้ลงทุนคือความแข็งแกร่งของไบแนนซ์ ตลาดคริปโททั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ละประเทศให้ความสำคัญมากขึ้นและมีกฎระเบียบออกมามากมาย ไบแนนซ์ จึงพูดคุยกับองค์กรกำกับดูแลเพื่อให้การลงทุนมีความราบรื่นมากขึ้น คริปโท และ บล็อกเชน ผ่านการพิสูจน์จากหลายประเทศมีกฎเกณฑ์ที่สนับสนุนการลงทุนคริปโทที่มากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีที่คริปโทจะเข้าสู่การลงทุนกระแสหลัก เชื่อว่าจะมีนักลงทุนเข้าสู่ตลาดคริปโทมากขึ้นกว่า 5 ปีที่ผ่านมา
“อนาคตของคริปโทเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก อุตสาหกรรมคริปโทเริ่มเข้าสู่วัฎจักรในทุกสี่ปี ในรอบนี้ถือเป็นปรากฎการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการคริปโทที่มากขึ้่น โดยจะมุ่งไปยังทิศทางที่เพิ่มขึ้นอีก”
นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นหน้าใหม่ในวงการทำให้ต้องสร้างธุรกิจเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาด สิ่งที่ต้องทำคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างเพื่อให้ลูกค้ามาลงทุนกับเรา โดยปีนี้จะบุกตลาดด้วยเทคโนโลยีที่มี ด้วยการสนับสนุนของ กัลฟ์และไบแนนซ์ จะทำให้เติบโตได้ และจะนำฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาให้ลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างทำให้คนมาใช้ กัลฟ์ ไบแนนซ์ได้