เงิน ‘จ๊าด’ ดิ่งสุด ค้าชายแดนไทย-เมียนมาซบเซาหนัก

7 ก.ย. 2567 - 04:00

  • SpacebarBigCity สำรวจชายแดน จ.ตาก ปัญหาการสู้รบ-ขาดเสถียรภาพทางการเมืองในเมียนมา ส่งผลกระทบการค้าอย่างหนัก

  • ผู้ประกอบการชี้สู้รบนาน 10 เดือน ทำบรรยากาศแม่สอด-เมียวดีซบเซา ต้องเบนเข็มส่งออกเส้นทางอื่น

  • กำลังซื้อตลาดเมียนมาชะงัก สินค้าไทยต้นทุนพุ่ง 20% เงิน 100 จ๊าดแลกเงินบาทได้ 50-60 สตางค์ ต่ำสุดในประวัติศาสตร์

economic_business_asian_highway_myanmar_money_SPACEBAR_Hero_22b1b76dcc.jpg

ทีมข่าว SpacebarBigCity พูดคุยกับ ‘บรรพต ก่อเกียรติเจริญ’ ที่ปรึกษาหอการค้า จ.ตาก ในฐานะผู้ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคในอำเภอแม่สอด จ.ตาก หลังมีกระแสข่าวการค้าระหว่างกันซบเซาหนัก ยอดส่งออกสินค้าไทยตกลงไปเกินครึ่ง

บรรพต เปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่มีการสู้รบอย่างหนักในพื้นที่ชายแดนเมียนมาฝั่งจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมาเป็นอย่างมาก เนื่องจากอำเภอแม่สอดถือเป็นประตูหน้าด่านการค้าที่สำคัญในการส่งออกสินค้าไทย และสินค้าจากประเทศที่ 3 ไปยังเมียนมา และมีมูลค่าการค้ามากกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท

แม้ทั้ง 2 ประเทศจะไม่ได้ปิดด่านพรหมแดน แต่สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดน อีกทั้งเส้นทางขนส่งสินค้าจากชายแดนอำเภอแม่สอดไปยังย่างกุ้งของเมียนมา ผ่านถนน Asian Highway 1 บริเวณสะพานที่จะไปยังเมืองกอกาเลก และเชื่อมต่อไปยังย่างกุ้ง ถูกชนกลุ่มน้อยวางระเบิด จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีการซ่อมแซม และแม้ว่าจะใช้เส้นทางสำรอง แต่ก็พบปัญหาจากฝนที่ตกหนัก รถขนสินค้าไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ

“สิ่งสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่เมียนมาเกิดการรัฐประหารภายในประเทศ อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินจ๊าด เริ่มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน จะสังเกตได้จาก ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินจ๊าด 100 จ๊าด แลกเป็นเงินบาทได้เพียง 50 สตางค์ จากเดิมก่อนรัฐประหารในเมียนมา อัตราค่าได้เป็นเงินจ๊าด 100 บาท แลกได้ 2 บาท ทำให้สินค้าที่จะส่งออกจากไทยไปยังเมียนมาได้รับผลกระทบ จากการสั่งซื้อที่ลดน้อยลง”

economic_business_asian_highway_myanmar_money_SPACEBAR_Photo03_f5d02b34b7.jpg
บรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้า จ.ตาก

ขณะเดียวกันสินค้าไทยที่เข้าไปจำหน่ายในเมียนมา บางส่วนต้องระบายสินค้าออกไปยัง จ.ระนอง กาญจนบุรีและเชียงราย โดยขณะนี้ บรรยากาศการซื้อขายสินค้าไทยในเมียนมา ถือว่าสินค้าขยับราคาแพงขึ้นร้อยละ 20

“ปัญหาที่เกิดขึ้นอยากจะให้ทางภาครัฐเร่งแก้ปัญหา และเจรจาเปิดใช้เส้นทาง Asian Highway 1 ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวเมียนมา และให้ระบบการค้าชายแดนกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มูลค่าการค้าขายแดนไทย-เมียนมา มีโอกาสลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องจับตาดูตัวเลขมูลค่าการค้าในอีก 5 เดือนที่เหลือว่า จะลดลงอีกหรือไม่“

สอดคล้องกับความเห็นของ ’เฉลิมวัฒน์ ตรีรัตน์วัฒนา‘ รองประธานหอการค้า จ.ตาก ที่ระบุว่า สถานการณ์การสู้รบในฝั่งชายแดนของเมียนมา เกิดขึ้นมานานเกือบ 10 เดือนแล้ว ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนทั้งระบบ นอกจากนี้ยังประสบปัญหาค่าเงินจ๊าดผันผวน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเมียนมา

economic_business_asian_highway_myanmar_money_SPACEBAR_Photo01_2d599ef110.jpg

“ปัจจุบันนี้ค่าเงินจ๊าด 100 จ๊าด แลกเงินบาทได้เพียง 60 สตางค์ ซึ่งถือว่า วิกฤตหนักแล้ว ทำให้ การค้าระหว่างไทยและเมียนมาได้รับผลกระทบ เนื่องจากสินค้าที่จะส่งออกไปเพื่อนำไปขายต่อมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวเมียนมา ต่างชะลอการซื้อสินค้าไทย”

รองประธานหอการค้า จ.ตาก ยังบอกอีกว่า แม้ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้า 2 ประเทศ จะทำการค้าขายกันเป็นเงินบาท แต่ภายในเมียนมา ประชาชนยังใช้เงินจ๊าด จึงพากันชะลอการซื้อสินค้าไทย เพราะแทบจะไม่มีกำลังซื้อ สินค้าที่แพงขึ้น ทำให้บรรยากาศการซื้อขายชายแดนเงียบเหงา   ประกอบกับตั้งแต่ที่มีการสู้รบในเมียนมา ทำให้การขนส่ง จากเดิมที่ใช้เวลาเพียง 2 วันไปถึงย่างกุ้ง ขณะนี้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 วันถึง 1 เดือน และบางส่วนต้องเปลี่ยนเส้นทางไปจังหวัดอื่นๆ ที่มีชายแดนติดต่อกัน ประเทศ

economic_business_asian_highway_myanmar_money_SPACEBAR_Photo_V01_d8ee203469.jpg

“ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างรอดูท่าทีว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลเมียนมากับชนกลุ่มน้อย จะไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากว่าระยะยาว ยังไม่เกิดข้อยุติในการสู้รบ คงจะต้องให้กับรัฐบาลชุดใหม่ช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้การค้า 2 ประเทศเดินต่อไปได้”

ตัวเลขโดยเฉพาะการส่งออกผ่านพิธีการด่านศุลกากรแม่สอด 7 เดือนของปี 2567 พบว่า ลดลงเหลือเพียง 42,158 ล้านบาท เมื่อเทียบกับข่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีตัวเลขการส่งออกประมาณ 59,448 ล้านบาท 

ด้านมูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 อยู่ที่ 93,836 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้า 7 เดือนของปี 2566 ลดเหลือเพียง 4,077 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ 9,087 ล้านบาท และมูลค่านำเข้าทั้งปี 2566 อยู่ที่ 13,311 ล้านบาท

economic_business_asian_highway_myanmar_money_SPACEBAR_Photo02_8bdfc0a4bb.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์