ช่วงนั้นสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย มีเกษม อินทร์แก้ว เป็นหัวเรือใหญ่ เกษม มอบหมายให้
สุรพล ซีประเสริฐ เจ้าของธุรกิจเคเบิลท้องถิ่น กรรมการ CTH ชวนหลานชายชื่อ ‘วิชัย ทองแตง’ มาร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมเคเบิลท้องถิ่น
ช่วงนั้นวิชัยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเคเบิ้ลเลย เขาประกอบอาชีพทนายความและเป็นผู้สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ CTH จึงฟอร์มทีม โดยเอา กฤษณัน งามผาติพงษ์ เข้ามาช่วยธุรกิจ
ธุรกิจเคเบิ้ลระดับชาติเวลานั้นมี True Vision ยึดหัวหาดอยู่ วิชัยจึงเสนอไอเดียบนเป้าหมายถ้า CTH อยากเติบโตเป็นผู้บริการเคเบิลระดับชาติ CTH ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ช่องรายการ โดยให้ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นแต่ละรายทำหน้าที่เป็นสำนักงานสาขาหรือตัวแทน (Dealer) ประจำจังหวัด รับสัญญาณเคเบิลทีวีในระบบดิจิทัลจาก CTH โดยตรงเพื่อ ส่งสัญญาณต่อไปให้สมาชิก
CTH ผู้รับผิดชอบบริหารสถานีกลาง การบริหารการตลาด ทำประชาสัมพันธ์ บริหารระบบบัญชี การหาแหล่งเงินทุน การหาลิขสิทธิ์ช่องรายการ การออกบิลเก็บเงิน ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการโครงข่าย ผู้ติดตั้ง และบริการหลังการขาย โดยจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จาก CTH ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกัน
CTH ชวนผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ 350 รายให้เข้าร่วมโครงการกับ CTH ให้บริการผ่านโครงข่ายสายเคเบิลของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นในระบบดิจิทัล เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตั้งใจ
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการต้องมีคือ Contents จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าการประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษ
ปลายปี 2555 วิชัย ชวนกลุ่มไทยรัฐ เข้ามาเป็นถือหุ้นใน CTH ด้วย โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300 ล้านเป็น 800 ล้าน แล้วประมูลซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษ 3 ปี คือ ฤดูกาล 2556-2558 ใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท
CTH ชนะการประมูล ความฝันในการเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวีระดับชาติอันดับ 1 ของประเทศ ดูท่าจะใกล้เป็นจริง
แต่แล้ว ความฝันของ CTH ก็ไม่สดใส เมื่อผู้ประกอบการทั้ง 350 ราย ตกลงเงื่อนไขกับ CTH ไม่สำเร็จ เงื่อนไขที่ CTH ให้ผู้ประกอบการ ส่งรายชื่อและที่อยู่ของสมาชิกทั้งหมดให้ CTH โดย CTH เป็นคนออกบิลเก็บค่าบริการจากสมาชิก แล้ว CTH จะเป็นคนแบ่งรายได้ให้เคเบิลท้องถิ่น เงื่อนไขนี้ทำให้หลายรายรับไม่ได้ ผู้เข้าร่วมโครงการเหลือ 173 ราย หรือ ครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด
CTH ต้องเจอกับความจริงหลายอย่าง เริ่มจาก CTH ไม่มีโครงข่ายการให้บริการโทรทัศน์ระบบดิจิทัลเป็นของตนเอง การส่งสัญญาณไปให้สมาชิกได้รับชมต้องใช้โครงข่ายสายเคเบิล มิหนำซ้ำผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังไม่พร้อมให้บริการระบบดิจิทัล CTH ยังมีความหวังว่าเมื่อเปิดให้บริการเดี๋ยวคงมีผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นที่เหลือมาร่วมแต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
แม้คนไทยจะคลั่งไคล้บอลอังกฤษ แต่ตอนนั้นคนดูบอลที่มีกำลังซื้อแพคเกจ 1,000 บาท ต่อ เดือน มีแค่ 500,000 ครัวเรือน คนกลุ่มนี้คือฐานสมาชิกของ True Vision คอบอลส่วนใหญ่ที่เหลือชอบบอลที่ดูฟรี และไม่ได้มีกำลังซื้ออย่างที่ CTH หวัง
ที่สำคัญโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นอยู่ในจังหวัด พื้นที่ให้บริการจำกัดอยู่ในเขตตัวเมือง กำลังซื้อหลักอยู่กรุงเทพและปริมณฑล และเป็นลูกค้าของ True อยู่แล้วไม่มีเหตุผลต้องเปลี่ยนแปลง
สมาชิกที่เป็นฐานของเคเบิลท้องถิ่น มีความเคยชินกับการจ่ายค่าบริการไม่เกิน 350 บาทต่อเดือน แม้ CTH จะปรับราคาแพคเกจเหลือ 500 บาทต่อเดือนเพื่อรับชมในระบบดิจิทัลที่มีภาพชัดขึ้น แต่ราคาเท่าเดิม แต่สุดท้ายไม่สามารถเพิ่มฐานลูกค้าของเคเบิลท้องถิ่นได้
CTH ไม่สามารถเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมได้ เพราะช่วงเวลาที่ CTH ประมูล ช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม ถูก True Vision และผู้ให้บริการช่องดาวเทียมอื่น เช่าช่องสัญญาณไปหมดแล้ว เมื่อ CTH ไม่สามารถให้บริการผ่านดาวเทียมไทยคมได้ จึงต้องเปลี่ยนไปเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียม VINASAT ของเวียดนาม ทำให้ไปเจอปัญหาในทางเทคนิค เพราะหน้าจานหันไปคนละทิศทางกัน CTH อดได้ฐานสมาชิก True Vision
CTH มีเวลาเตรียมตัวให้บริการน้อย แค่ 7 เดือนหลังชนะประมูล พอถึงเวลาให้บริการยังไปเจอปัญหาออกบิลเรียกเก็บค่าบริการจากสมาชิก รวมเหตุผลทั้งหมด บริการดูบอลพรีเมียร์ลีก ผ่านเคเบิลท้องถิ่นจึงไปไม่ถึงดวงดาว
ปัจจุบัน JAS ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียลีก 6 ฤดูกาล เบื้องต้น JAS ประกาศ จะให้บริการผ่าน MONOMAX บริการสตรีมมิ่งออนไลน์ และแอปพลิเคชันบนมือถือ MONO29 ทีวีดิจิทัลในเครือ MONO NEXT โดยสามารถรับชมผ่านเครือข่ายมือถือทุกค่าย
ราคาแพคเกจอยู่ที่ 400 บาทต่อเดือน เป็นราคาเดียวไม่ว่าจะรับชมผ่านช่องทางใด โดยคุณภาพของการถ่ายทอด JAS จะส่งสัญญาณความคมชัดระดับ Full-HD และหรือได้ 4K ในบางนัด
ตลาดวันนี้ สมาร์ตโฟนยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากที่สุดร้อยละ 63 รองลงมาคือคอมพิวเตอร์ร้อยละ 37 ร้อยละ 18.4 มีการจ่ายเงินเพื่อรับชมบริการสตรีมมิ่ง ขณะที่มูลค่าของตลาดสตรีมมิ่งมีมากถึง 413 ล้านเหรียญสหรัฐ
ถ้าราคาแพคเกจ ของ JAS เทียบกับเจ้าของลิขสิทธิ์ปัจจุบัน EPL MOBILE ดูบอลสดพรีเมียร์ลีกผ่านโทรศัพท์ รับชมพร้อมกันได้ 1 อุปกรณ์ ราคาเริ่มต้น 399 บาทต่อเดือน สำหรับลูกค้า True และ Dtac
ลูกค้าทั่วไป 499 บาทต่อเดือน หรือ แพค EPL POP ดูทุกอุปกรณ์ ทั้งทีวี, โทรศัพท์มือถือ และ แท็ปเล็ต รับชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ราคาเริ่มต้น 599 บาทต่อเดือน
ลูกค้า True และ Dtac ลูกค้าทั่วไป 799 บาทต่อเดือน
ราคาก็แพงกว่า JAS อยู่ดี ที่สำคัญ JAS สื่อสารออกมาชัดเจนว่าพร้อมพิจารณาเป็นพันธมิตรกับทุกค่าย ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้
ข้อมูลที่ JAS แจ้งตลาดคือการได้ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดภาพ และเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี(Internet TV) และดิจิทัลทีวี(Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips package) ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ เริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล สามารถให้บริการในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา การทำตลาดต่างประเทศจึงเปิดกว้างเต็มที่
บทเรียนของ CTH คือ นักฝันผู้มาก่อนกาล ไม่เชี่ยวชาญในตลาดคอนเทนต์กีฬา เจอปัญหาเทคโนโลยี ความไม่พร้อมของตลาด พฤติกรรมการรับชมของผู้บริโภค
ขณะที่ JAS แตกต่างจากกรณีของ CTH ในแง่ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาไปไกลมากว่าในอดีต การใช้โครงการ 5G อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นได้ เพราะ JAS มีโครงข่ายของตัวเอง พัฒนาระบบสตรีมมิ่ง มาต่อเนื่อง ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจเหมือน CTH
ด้านเทคโนโลยี โครงข่ายของ JAS สามารถตอบสนองได้เท่ากับรายเดิม จากนี้ไปเหลือแค่สนองความต้องการของผู้บิโภคให้ได้มากที่สุด นั่นคือคุณภาพดีขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และราคาที่สมเหตุสมผล