สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ อนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ว่า การที่นายกรัฐมนตรีเยือนประเทศจีนระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์นี้ ก็จะไปถามความคืบหน้า ที่ผ่านมาเวลาเอกอัครราชทูตจีนเจอตนเอง ก็มีการติดตามเรื่องนี้ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ได้ผ่าน ครม.แล้ว
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็ห่วงเรื่องงบประมาณที่สุด ซึ่งบางส่วนอยากให้ทำเป็น พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) โดยกระทรวงคมนาคมให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดูแลในส่วนการเดินรถผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ โดยมีเอกชนมาลงทุนประมาน 7 หมื่นล้านบาท ทำให้ลดภาระที่รัฐบาลต้องออก 23% ส่วนการก่อสร้าง จะเป็นไปตามที่รัฐบาลดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจาก ครม.อนุมัติแผนงานแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร รมว.คมนาคม กล่าวว่า รฟท.ต้องไปทำทีโออาร์ และไปดูในเรื่องการทำแผนดำเนินการ ทั้งนี้การเปิดประมูลโครงการนี้ จะล่าช้าที่สุดประมานเดือนมิถุนายน อาจจะมีโอกาสเร็วกว่านี้ แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบฯ 68-75) ประกอบด้วย การดำเนินการใน 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากโครงการฯ ระยะที่ 1 ที่จะเริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไปจนถึงจังหวัดหนองคาย วงเงิน 335,665.21 ล้านบาท ระยะทาง 357.12 กม. ประกอบด้วย 5 สถานี
- สถานีบัวใหญ่
- สถานีบ้านไผ่
- สถานีขอนแก่น
- สถานีอุดรธานี
- สถานีหนองคาย
ทั้งนี้จะเริ่มก่อสร้างในปีงบฯ 68 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบฯ 75 (รวม 8 ปี)
ส่วนที่ 2 การก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา วงเงิน 5,686.21 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นการก่อสร้างศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรถไฟ ทั้งขาเข้า - ขาออก ระหว่างทางขนาด 1 เมตร ของรถไฟไทย และขนาดทางมาตรฐาน 1.45 เมตร ของโครงการรถไฟลาว – จีน ในรูปแบบศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One stop service)
สำหรับโครงการฯ ระยะที่ 2 เมื่อพิจารณา EIRR เชิงกว้าง กรณีโครงการฯ ระยะที่ 1 + 2 พบว่า มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 13.23 ซึ่งยังมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ อีกทั้ง คกก.การรถไฟฯ มีมติเห็นชอบโครงการฯ ระยะที่ 2 และ คกก.สิ่งแวดล้อมฯ ได้เห็นชอบรายงาน EIA ของโครงการฯ ระยะที่ 2 ด้วยแล้ว
ทั้งนี้ เลขาฯ ครม. ได้สรุปความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม เร่งจัดทำรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูง เสนอ ครม. พิจารณาโดยเร็ว และให้การรถไฟฯ ศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ และเสนอขออนุมัติพร้อมกันกับการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยให้ทบทวนและปรับปรุงสมมติฐานที่ใช้ในการศึกษาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการว่า ขอให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากล่าช้ากว่าแผนมานานแล้ว
จากนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการโครงการฯ ระยะที่ 2 โดยให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ดำเนินการตามความเห็นของสภาพัฒน์ฯ ก่อนดำเนินการต่อไป และให้รับความเห็นของหน่วยงานไปพิจารณาด้วย โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องต่อไป