ปัญหาเศรษฐกิจทรุดหนัก หลายหลายธุรกิจกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะ ‘ธุรกิจโรงแรม’ เริ่มได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนต้องหยุดกิจการไปประมาณ 2 ปี หลังโรคคลี่คลายยังต้องใช้งบจำนวนมากปรับปรุงโรงแรม เพื่อให้กลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง แต่การท่องเที่ยวกลับไม่คึกคักเหมือนในอดีต เนื่องจากค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น สวนทางกับรายได้
ทีมข่าว Spacebar Big City ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ “ไพศาล สุขเจริญ” นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางส่วน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะโรงแรม 4 และ 5 ดาว ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายในโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปครอบครัว โดยเฉพาะทางครอบครัวนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปและเอเชีย ทั้งจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลี เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกจะอยู่แต่ในโรงแรม บางส่วนที่ออกไปช้อปปิ้ง ก็ซื้อของกลับมาน้อยมาก ทำให้การใช้เงินที่ออกไปข้างนอกนั้นน้อยลง

“ปัจจุบันหลายหลายโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากต้องปิดกิจการไปนานนับ2 ปี ก็ทำให้อุปกรณ์ภายในทรุดโทรมและได้รับความเสียหาย การจะกลับมาเปิดอีกครั้งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการรีโนเวท การจะหาเงินเงินทุนค่อนข้างยากลำบาก ธนาคารไม่ปล่อยกู้ ทำให้หลายโรงแรมในเชียงใหม่ ยังไม่สามารถกลับมาได้ จากการสำรวจมีโรงแรมขนาดใหญ่ประมาณ 5 แห่ง ที่ไม่สามารถเปิดบริการได้อีก และล่าสุดยังมีขนาดใหญ่ 4 ดาว 5 ดาวอีกประมาณ 3-4 แห่ง ที่กำลังเตรียมปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ เพราะขาดทุนสะสมและไม่มีเงินทุนหมุนเวียนใหม่เข้ามา บางโรงแรม กลับมาเปิดให้บริการหลังโควิด-19 คลี่คลาย แต่ก็ไปได้ไม่ดีเหมือนในอดีต จึงต้องปิดตัวชั่วคราว หากโรงแรมเหล่านี้จะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ก็จะต้องหาแหล่งเงินทุน ให้นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ”
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) ยังเปิดเผยอีกว่า หลายๆโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกเทคโอเวอร์และเริ่มลงทุนรีโนเวทอัพเกรดเป็นระดับที่สูงขึ้น ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงขึ้นตามไปด้วย
“ละเอียด บุ้งศรีทอง” ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมรติล้านนาริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเข้าพักที่โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ถือว่ามียอดจองห้องพักน้อย เพราะนักท่องเที่ยวติดภาพลบเรื่องสถานการณ์ฝุ่นควัน มาเริ่มดีขึ้นในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม และก็จะลดลงในช่วงเดือนกันยายน ก่อนจะกลับมาดีในช่วงไตรมาส 4 ไปจนถึงต้นปีหน้า

“หากเทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือว่ากลับมาเพียง 80% เท่านั้น เพราะตลาดจีนยังไม่กลับมา และนักท่องเที่ยวไทยเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยไม่ค่อยจะดี ก็ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงการจับจ่ายลดลง เที่ยวบินน้อยลง ทำให้ตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น ก็ทำให้หลายๆโรงแรมต้องปรับตัว โดยเฉพาะราคาขายห้องพัก ซึ่งปัจจุบันมีต้นทุนสูง ทั้งเรื่องค่าแรงและค่าวัตถุดิบทุกอย่างที่แพงขึ้น ก็ทำให้หลายๆโรงแรมต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น”

ปัจจุบันโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้บริการประมาณ 60,000 ห้อง ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคม มียอดจองประมาณ 70% ส่วนไตรมาสที่สอง มียอดจองห้องพักเพียง 40 ถึง 50% เท่านั้น
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเที่ยวกว่า 11 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 110,670 ล้านบาท
ปี 2563 อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เหลือนักท่องเที่ยว 6,007,728 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวลงลงเหลือ 49,841 ล้านบาท

ปี 2564 มีนักท่องเที่ยว 3,734,006 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพียง 23,291 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2566 โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จังหวัดเชียงใหม่เริ่มมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 85,734 ล้านบาท
ปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่แล้ว 5,774,163 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวแล้ว 51,510 ล้านบาท