พร้อมทั้งเตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณารายละเอียดของโครงการ รวมทั้งกำหนดจุดที่จะจัดตั้งโครงการที่เหมาะสม ล่าสุดในซีกของฝ่ายที่ต่อต้านและคัดค้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ก็เริ่มขยับและเตรียมที่จะเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างเต็มที่เช่นกัน
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ธนากร คมกฤส เตรียมที่จะขับเคลื่อนและยกระดับการต่อต้าน ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ของ รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ที่จะรณณรงค์คัดค้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนความพยายามดังกล่าว โดยระบุว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นร่างที่ ไม่ตรงปก-ตีเช็คเปล่า-เอื้อกลุ่มทุน พร้อมกับตั้งคำถามว่า ประเทศไทยเดินมาถึงจุด ‘อับจน’ ภาครัฐไม่มีเงิน และไม่รู้วิธีหาเงิน ถึงขนาดต้องพึ่งธุรกิจบ่อนการพนันให้มาช่วยกู้เศรษฐกิจ
ล่าสุดมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเผยแพร่บทความเรื่อง ‘ 3 ไม่ 9 ข้อพอมั้ย ... เหตุผลที่คนไทยไม่เอากาสิโน’ โดยเน้นถึง ความไม่ชอบธรรม ไม่เชื่อมั่น และ ไม่ไว้ใจ ต่อการผลักดันในเรื่องนี้ของรัฐบาล
‘ไม่ชอบธรรม’
กาสิโนไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ แต่เป็นความต้องการของผู้คุมอำนาจทางการเมืองและอำนาจทุน และกำลังพยายามจะใช้อำนาจมากลากไปเพื่อให้เปิดกาสิโนได้ตามอำเภอใจ
ไม่ฟัง ผลการศึกษาทางวิชาการของทุกสถาบันล้วนตรงกันว่า เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโน
\-ผลสำรวจของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ในการสำรวจทุกครั้ง ตั้งแต่ปี 2558,2560,2562,2564 และ 2566 คนไทยเกิน 50% ไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยเปอร์เซนต์ของผู้ไม่เห็นด้วยอยู่ระหว่าง 51% ถึง 65% มากกว่าผู้เห็นด้วยกับการเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายเกือบเท่าตัว
\-ผลสำรวจของสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้าโพลล์) วันอาทิตย์ที่ 12ธันวาคม 2564 พบว่า 46.5% และ 10.3 ไม่เห็นด้วยเลยและไม่ค่อยเห็นด้วยให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย
แม้กระทั่งผลที่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 1 สำรวจโดยวิทยาลัยการเมืองและการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ก็ยังพบว่า มีผู้ตอบเพียง 36% ที่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมาย แต่ดูเหมือนรัฐบาลไม่เคยฟังเสียงของประชาชน
ไม่ซื่อ ที่สำคัญ ในการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา การตั้งสถานบันเทิงครบวงจรอันมีกาสิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ไม่ได้ถูกประกาศในนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดเลย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และรวมถึงพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา อันเป็นพรรคแกนนำสำคัญ
การกระทำเยี่ยงนี้จัดได้ว่าเป็นความไม่ซื่อของพรรคร่วมรัฐบาล ที่พอมีโอกาสได้บริหารประเทศ ก็ใช้อำนาจกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกพ้องของตน โดยไม่สนใจรับผิดชอบต่อสิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน
ไม่อาย รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้จัดทำการรับฟังความเห็นประชาชนเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง และรีบร้อนรวบรัด เปิดรับฟังเพียง 18 วัน และไม่ได้มีข้อคำถามว่า ‘ประชาชนเห็นด้วยกับกฎหมายนี้หรือไม่?’ แต่หลังจากนั้น บุคคลในรัฐบาลกลับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ประชาชนกว่า 80% เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ นับเป็นเรื่องที่ไม่ละอาย
‘ไม่เชื่อมั่น’
ไม่โปร่งใส กฎหมายที่รัฐบาลกำลังเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ยกอำนาจการตัดสินทุกเรื่องเกี่ยวกับกาสิโนให้แก่ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเรียกว่าซุปเปอร์บอร์ด อันมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรี 1 คนกับรัฐมนตรีบางกระทรวง 6 คนและข้าราชการประจำ 3 คน กับผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐมนตรีอีกไม่เกิน 6 คน โดยไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่น ทั้งภาคท้องถิ่น และภาคประชาสังคม
ที่สำคัญคือ กฎหมายนี้ได้ตัดมาตราว่าด้วยการรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่สถานบันเทิงครบวงจรจะไปตั้ง และพื้นที่ใกล้เคียงออกไปจากร่างเดิม แสดงให้เห็นเจตนาที่ไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบ ไม่มีความโปร่งใส และไร้ซึ่งธรรมาภิบาล
ไม่จริงใจ รายงานการศึกษาเพื่อเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ของสภาผู้แทนราษฎร เสนอว่าประเทศไทยควรยึดต้นแบบสิงคโปร์โมเดล เป็นสำคัญ โดยต้องมีกลไกป้องกันปัญหาและลดผลกระทบทางสังคมจากการมีกาสิโน แต่ในร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอกลับไม่มีหน่วยงานป้องกันปัญหาและลดผลกระทบ รวมทั้งตัดหมวดว่าด้วยกองทุนลดผลกระทบทางสังคมออกไป แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจต่อการจะดูแลสังคมของรัฐบาล
ไม่ไหวแน่ ปัญหาใหญ่ของประเทศที่มีกาสิโนถูกกฎหมายทั่วโลก คือ ความข้องเกี่ยวกับขบวนการอาชญากรรมและการถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการทุจริตคอรัปชั่น และความย่อหย่อนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น หากไม่มีการปฏิรูปตำรวจ และไม่มีการปราบคอรัปชั่นอย่างจริงจัง จะไม่มีทางจัดการปัญหาอาชญากรรม และการฟอกเงินในกาสิโนได้
‘ไม่ไว้ใจ’
ไม่รู้จะรีบไปไหน?ปฏิบัติการของฝ่ายการเมืองต่อภารกิจนี้ มีความรีบร้อน และรวบรัด พยายามจะผลักดันกฎหมายให้ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ โดยเร็ว ไม่มีกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ ไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ รวมถึงไม่มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมอย่างถูกต้องชอบธรรม
ไม่รู้ว่าเอื้อใคร? ในบัญชีแนบท้ายกฎหมายของรัฐบาลฉบับนี้ ได้ลดสเปกกิจการต่าง ๆ อันเป็นส่วนประกอบของสถานบันเทิงครบวงจรร่วมกับกาสิโน เช่น โรงแรมไม่ต้อง 5 ดาว ห้างสรรพสินค้าไม่ต้องครบวงจร ศูนย์ประชุมฯไม่ต้องมี มีสระว่ายน้ำ สวนสนุก และร้านขายสินค้าOTOP เท่านั้นก็พอ
เหล่านี้น่าจะเป็นการเอื้อให้ผู้ลงทุนสามารถลดต้นทุนในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกาสิโนได้
ไม่รู้เป็นตู้เอทีเอ็มของนายใหญ่ ... ? ในกฎหมายฉบับนี้จะมีการตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรขึ้นมา ที่น่าสนใจคือสำนักงานนี้จะมีรายได้มาจากหลายทาง โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และอื่น ๆ ซึ่งเป็นหลักพันล้านในแต่ละปี โดยมีบทบัญญัติว่าเงินและทรัพย์สินของสำนักงาน เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว เหลือเท่าใดให้สำนักงานนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
การเปิดช่องไว้เช่นนี้ อาจทำให้สำนักงานที่ตั้งใหม่นี้กลายเป็นช่องทางให้เกิดการนำเงินที่รัฐควรได้จากกิจการสถานบันเทิงครบวงจร มาใช้จ่ายเพื่อตอบสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองได้ คล้าย ๆ กับกรณีของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในสมัยหนึ่ง ที่รายได้จากการจำหน่ายหวยบนดินที่ไม่ได้นำส่งเข้าแผ่นดิน กลายเป็นตู้เอทีเอ็มให้นายใหญ่กดนำมาใช้ดำเนินงานทางการเมืองได้อย่างสบายมือ