จุลพันธ์ อมรวิวัตร รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ พร้อมให้หน่วยงานที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณไปทำโครงการและนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ ซึ่งคณะกรรมการจะอนุมัติโครงการที่ส่งคำขอมาภายเดือน ก.ค.
สำหรับโครงการที่เสนอของบประมาณเข้ามาจะต้องเป็นโครงการที่มีความพร้อม และเกิดเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชน เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจริง ๆ โดยคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้เขียนเงื่อนไขไว้ เพื่อเป็นข้อยืนยันว่าการเบิกจ่ายเงินจะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและคอยประคับคองมรสุมทางเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้
“จากการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท 2 เฟสที่ผ่านมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโต 3% สามไตรมาสติด ซึ่งเราไม่เห็นแบบนี้มานานแล้วใครจะไปคาดคิดว่าจะสงครามการค้าของการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เกิดขึ้นเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 น่าจะทรง ๆ ยังไม่เจอผลกระทบ ส่วนไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก รัฐบาลวางโครงการที่เสนอเข้ามาจะต้องสามารถทำสัญญาผูกพันงบประมาณให้ได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2568 หรือช้าสุดภายใน 30 ก.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ในการผูกงบประมาณไม่ได้หมายความว่างบประมาณจะเบิกจ่ายทั้งหมดภายในเดือนก.ย. แต่รัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตาม”
สำหรับแอปฯ ทางรัฐที่มีประชาชนลบแอปพลิเคชันออกไป ต้องสื่อสารให้เข้าใจว่าการให้สวัสดิการของรัฐบาลก็จะผ่านช่องทางนี้ รวมถึงมาตรการอื่น ๆ เช่น บัตรสวัสดิการ(ในอนาคต) มาตรการท่องเที่ยวซึ่งจะใช้แอปฯ ทางรัฐเป็นช่องทางหลักในการให้บริการประชาชน
“โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะกลับมาพิจารณาอีกครั้ง หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีวันหนึ่งถ้าถึงความพร้อมเราจะกลับมาพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งต้องประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาส และผลการเจรจามาตรการภาษีศุลกากรระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะออกมาเป็นอย่างไร”
อย่างไรก็ตามงบประมาณที่รัฐบาลเตรียมกู้วงเงิน 5 แสนล้านบาท ยังไม่ได้มีการหารือกัน ถึงจะได้เงิน 5 แสนล้านบาทก็ไม่สามารถนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในก้อนเดียว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลจะนำงบประมาณ 1.57 แสนล้านลงไปกระตุ้นเศรษฐก่อนในช่วงต้นสำหรับโครงการที่ความพร้อม ส่วนระยะถัดไปดูความพร้อมของงบประมาณปี 2569 ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเติมเข้าไปหรือไม่ หากมีความจำเป็นก็ต้องมาหารือกัน