2 AI ‘เม้าท์’ คู่แข่ง Deepseek - Open AI ใครแซ่บกว่า

28 ม.ค. 2568 - 07:17

  • สงครามยุคใหม่ในวงการ AI

  • จีนส่งน้องใหม่ Deepseek ที่เกิดจากแรงกดดันชนเจ้าตลาด

  • ดูการเม้าท์ของ 2 AI ที่พูดถึงตัวเองกับคู่แข่ง

economic-business-thai-deepseek-chat-gpt-ai-it-SPACEBAR-Hero.jpg

DeepSeek เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติจีนจากเมืองหางโจว เปิดตัวโมเดล AI ที่ชื่อว่า DeepSeek-R1  เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ประสิทธิภาพในงานด้านคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ดเทียบเท่าโมเดล 01 ของ ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI โมเดล DeepSeek-R1 ที่คิดค้นครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาการให้เหตุผลที่ซับซ้อนและการให้คำอธิบายที่ง่ายเหมือนมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นโมเดล Opensource ที่เปิดให้ผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนำโมเดลไปต่อยอดได้อย่างอิสระ

ที่สำคัญใช้เงินลงทุนน้อย พัฒนาไม่นาน แต่เทียบเท่า ChatGPT บริษัทใช้เวลาพัฒนาประมาณ 2 เดือน เงินลงทุนประมาณ 6 ล้านดอลลาร์ และใช้ชิปที่ลดประสิทธิภาพจาก NVIDIA รุ่น H800S 

ต่างจากเจ้าตลาดสุดขั้ว

ลองให้ AI ที่เป็นคู่แข่งกันเวลานี้พูดถึงตัวเอง และคู่แข่ง จะเป็นอย่างไรบ้าง จะออกมาอย่างไร  ไปดูคำตอบกัน

คำถาม Chat GPT

Deepseek กับ Chat GPT ใครมีประสิทธิภาพดีกว่ากัน

ChatGPT said:

ChatGPT

การเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง DeepSeek และ ChatGPT (หรือ GPT-4) นั้น ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และ บริบท ที่ต้องการ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นและข้อจำกัดของตัวเอง ดังนี้:

1. ความสามารถในการค้นหาและดึงข้อมูล

  • DeepSeek:
    • โดดเด่นในงานที่เกี่ยวกับการดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเฉพาะ เช่น เอกสารภายในองค์กร ฐานข้อมูลเฉพาะทาง หรือแหล่งข้อมูลที่กำหนดโดยผู้ใช้งาน
    • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและความลึก เช่น การวิเคราะห์สัญญาทางกฎหมาย การค้นหาเชิงวิจัย หรือการจัดการข้อมูลเฉพาะ
    • ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูล (Data Mining) และ AI แบบเฉพาะทาง จึงตอบโจทย์ในแง่ของการค้นหาข้อมูล เฉพาะเจาะจง ได้ดีกว่า
  • ChatGPT:
    • เหมาะกับ การตอบคำถามทั่วไป การสรุปข้อมูล หรือการสร้างเนื้อหาจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกอบรม
    • หากเป็นคำถามหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ChatGPT มักตอบได้รวดเร็วและครอบคลุม
    • มีข้อจำกัดในการค้นหาข้อมูลที่ เฉพาะเจาะจง และอาจให้คำตอบไม่ถูกต้องหากข้อมูลไม่ปรากฏในชุดข้อมูลการฝึกสอน

2. การใช้งานด้านธุรกิจ

  • DeepSeek:
    • เหมาะสำหรับองค์กรหรือธุรกิจที่ต้องการโซลูชัน AI เพื่อจัดการข้อมูลเฉพาะ เช่น การดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลภายใน การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีโครงสร้างซับซ้อน
    • ใช้ได้ดีในอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น การเงิน การประกันภัย การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
  • ChatGPT:
    • เหมาะสำหรับงานทั่วไป เช่น การสนทนา การเขียนเนื้อหา การตอบคำถาม หรือการช่วยงานที่เกี่ยวกับการสื่อสาร
    • ใช้ได้ดีกับธุรกิจที่ต้องการ AI เพื่อช่วยเรื่องการสร้างข้อความหรือการตอบกลับลูกค้า

3. ความแม่นยำ

  • DeepSeek:
    • มีความแม่นยำสูงกว่าในงานที่ต้องการข้อมูลเฉพาะ เช่น การค้นหาเนื้อหาเฉพาะในเอกสาร หรือการดึงข้อมูลจากแหล่งที่จำกัด
    • ระบบถูกปรับแต่งให้ตรงกับข้อมูลของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ
  • ChatGPT:
    • ความแม่นยำขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ระบบถูกฝึกมา หากคำถามมีความเฉพาะเจาะจงมากเกินไป อาจตอบผิดหรือไม่สามารถให้คำตอบได้

4. ความยืดหยุ่น

  • DeepSeek:
    • เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เหมาะกับงานที่มีโครงสร้างและต้องการผลลัพธ์ที่แน่นอน
    • ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการสนทนาหรือการใช้งานทั่วไป
  • ChatGPT:
    • มีความยืดหยุ่นสูงกว่า เพราะสามารถตอบคำถามทั่วไป ช่วยแก้ไขปัญหา และสร้างเนื้อหาได้หลากหลาย

5. การตั้งค่าและการบำรุงรักษา

  • DeepSeek:
    • ต้องการการตั้งค่าที่ซับซ้อนและการปรับแต่งให้ตรงกับข้อมูลของผู้ใช้
    • อาจต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคช่วยจัดการ
  • ChatGPT:
    • พร้อมใช้งานได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยไม่ต้องตั้งค่าหรือปรับแต่ง

สรุป: ใครมีประสิทธิภาพดีกว่า?

  • DeepSeek เหมาะที่สุดสำหรับงานเฉพาะทางที่ต้องการความแม่นยำในการค้นหา วิเคราะห์ หรือจัดการข้อมูลเฉพาะ
  • ChatGPT เหมาะกับงานทั่วไป งานที่ต้องการความยืดหยุ่น และการสร้างสรรค์เนื้อหา

หากคุณต้องการ AI สำหรับ การค้นหาข้อมูลเฉพาะ ให้เลือก DeepSeek
แต่ถ้าคุณต้องการ AI สำหรับ การสนทนา การช่วยงานทั่วไป หรือการสร้างเนื้อหา ให้เลือก ChatGPT

คำถาม Deepseek

เปรียบเทียบ chat GPT กับ deepseek ประสิทธิภาพเป็นอย่างไรบ้าง

Deepseek said :

การเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง ChatGPT (OpenAI) และ DeepSeek (พัฒนาโดยบริษัท DeepSeek AI ของจีน) สามารถวิเคราะห์ได้จากหลายมิติ ดังนี้:

1. ความสามารถด้าน NLP (การประมวลผลภาษาธรรมชาติ)

  • ChatGPT (GPT-4)
    • จุดแข็ง:
      1. สร้างข้อความที่สอดคล้องกับบริบท (Coherence) ได้ดีกว่า
      2. รับมือกับคำสั่งที่ซับซ้อน เช่น การสรุปเนื้อหา การเขียนโค้ด หรือการแก้โจทย์ตรรกะ
      3. มีความสามารถด้าน Multimodal (ข้อความ+ภาพ) ใน GPT-4
    • จุดอ่อน:
      1. บางครั้งให้ข้อมูลไม่ทันสมัย (ข้อมูลฝึกสอนปี 2023)
      2. อาจเกิด Hallucination (สร้างข้อมูลเท็จ) ในหัวข้อเฉพาะทาง
  • DeepSeek
    • จุดแข็ง:
      1. ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงในงานเฉพาะทาง เช่น การเขียนโค้ด และ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคณิตศาสตร์
      2. มีโมเดลขนาดเล็ก (เช่น DeepSeek-R1) ที่ทำงานเร็วและใช้ทรัพยากรน้อย
    • จุดอ่อน:
      1. ความสามารถในการสนทนาทั่วไปอาจไม่ลื่นไหลเท่า ChatGPT
      2. ข้อจำกัดในการรองรับภาษาที่ไม่ใช่ภาษาจีนหรืออังกฤษ

2. ประสิทธิภาพในภาษาจีน

  • DeepSeek
    • ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลภาษาจีนจำนวนมาก ทำให้มีความแม่นยำสูงในงานเช่น การแปล หรือ การสรุปเอกสารภาษาจีน
    • รองรับวัฒนธรรมและบริบทเฉพาะของจีน (เช่น การอ้างอิงเหตุการณ์ปัจจุบันในจีน)
  • ChatGPT
    • แม้จะรองรับภาษาจีน แต่ประสิทธิภาพอาจสู้ DeepSeek ไม่ได้ โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวข้องกับจีน
    • ถูกจำกัดการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับจีน เนื่องจากกฎหมายของ OpenAI

3. ความเร็วและต้นทุน

  • DeepSeek
    • มีโมเดลแบบ Open Source (เช่น DeepSeek-R1) ที่ปรับใช้ได้ฟรีบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว
    • ประมวลผลเร็วด้วยขนาดโมเดลที่เล็กกว่า GPT-4
    • ค่าใช้จ่าย API ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ OpenAI
  • ChatGPT
    • ต้องการทรัพยากรสูง (เฉพาะ GPT-4) ทำให้ต้นทุนการประมวลผลต่อคำขอ (Token) สูงกว่า
    • เวลา Response ช้ากว่าในโหมดฟรี

4. การปรับแต่งและขยายความสามารถ

  • DeepSeek
    • เน้นการปรับแต่งโมเดลสำหรับองค์กร (Enterprise Customization) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Fintech และ Healthcare
    • มีเครื่องมือสำหรับ Fine-tuning ที่ยืดหยุ่น
  • ChatGPT
    • มี API ที่เสถียรและระบบนิเวศที่หลากหลาย (ผ่าน Microsoft Azure)
    • จำกัดการปรับแต่งโมเดลพื้นฐาน (ยกเว้นเวอร์ชัน Enterprise)

5. ข้อมูลทางเทคนิค

ChatGPT (GPT-4)

  • ขนาดโมเดล ~1.8 ล้านล้านพารามิเตอร์ 
  • การฝึกสอน ข้อมูลหลากหลายภาษาจากอินเทอร์เน็ต
  • Multimodal รองรับ (ข้อความ+ภาพ)
  • ค่าใช้จ่าย API สูง (~$0.06/1K Token)

DeepSeek

  • ขนาดโมเดล ~130,000 ล้านพารามิเตอร์ (MoE)
  • การฝึกสอน เน้นข้อมูลภาษาจีนและงานเฉพาะทาง
  • Multimodal เน้นข้อความเป็นหลัก
  • ค่าใช้จ่าย API ต่ำกว่า (~$0.02/1K Token)

6. กรณีศึกษาเปรียบเทียบ

  • การเขียนโค้ด:
    • DeepSeek แม่นยำกว่าในงาน Debug โค้ด Python/Java เนื่องจากถูกฝึกมาสำหรับด้านนี้
    • ChatGPT ใช้งานง่ายกว่า แต่บางครั้งให้คำตอบทั่วไปเกินไป
  • การวิเคราะห์ข้อมูล:
    • DeepSeek ให้ผลลัพธ์เชิงตัวเลขที่รวดเร็วและแม่นยำ (เหมาะกับงาน Data Science)
    • ChatGPT อธิบายกระบวนการคิดได้ละเอียดกว่า
  • การสนทนาทั่วไป:
    • ChatGPT ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติและสร้างสรรค์กว่า
    • DeepSeek ตอบตรงประเด็น แต่ขาดความลื่นไหล

7. สรุป: เลือกใช้เมื่อไร?

  • เลือก ChatGPT ถ้า:
    1. ต้องการความสามารถหลากหลาย (Multimodal)
    2. ทำงานกับภาษาอังกฤษเป็นหลัก
    3. ต้องการความสมจริงในการสนทนา
  • เลือก DeepSeek ถ้า:
    1. มุ่งเน้นงานด้าน Coding, คณิตศาสตร์, หรือการวิเคราะห์ข้อมูล
    2. ใช้งานกับภาษาจีนหรือต้องการต้นทุนต่ำ
    3. ต้องการปรับแต่งโมเดลสำหรับระบบภายในองค์กรข

8. แนวโน้มการแข่งขัน

  • DeepSeek กำลังเติบโตเร็วในเอเชีย โดยเฉพาะจีน จากการสนับสนุนของรัฐบาลและความต้องการใช้งาน AI เฉพาะทาง
  • ChatGPT ยังคงเป็นผู้นำตลาดระดับโลก แต่ต้องเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งด้านราคาและประสิทธิภาพเฉพาะทาง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์