บุญชู ศัยศักดิ์พงศ์ ในฐานะรองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) หรือ TRS เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกา เสียดุลการค้ากับทุกประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศใหญ่ ประเทศเล็ก ทุกประเทศที่ทำการค้าได้ผลประโยชน์จากสหรัฐมากมาย เพราะเป็นประเทศผู้บริโภครายใหญ่

“ปัญหาเกิดจากสหรัฐ พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาใช้กันมากเกินไป เมื่อเศรษฐกิจในประเทศไปไม่ได้ก็ต้องขึ้นภาษีเพื่อเอาตัวรอด โดยการขึ้นภาษีเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศ แต่ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ามาตลอด เมื่อสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าก็ตกใจ รวมไปถึงคนอเมริกา ก็ต่อต้านการขึ้นภาษีของรัฐบาลในครั้งนี้ เพราะกลัวกระทบกับค่าครองชีพ” การที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีกับประเทศคู่ค้าสูงถึง 36% นั้น ย่อมส่งผลกระทบกับผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สาเหตุที่อเมริกาต้องขึ้นภาษีในครั้งนี้เพราะเสียดุลการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลกมานานแล้ว วันนี้อเมริกาประชากร 300 กว่าล้าน การบริโภคในอัตราที่สูงมาก ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการกับประเทศคู่ค้า การขึ้นภาษีในครั้งนี้ ถ้าเข้าใจไม่คลาดเคลื่อน น่าจะเป็นแบบออนท็อป คือ สมมุติเราส่งออกสินค้าไปเมริกา 1 ล้านบาท จ่ายภาษี 10% เท่ากับ 1 แสนบาท การเก็บภาษี 31 % จากอัตราภาษี 1 แสนบาท เท่ากับต้องจ่ายภาษี 131,000.บาทเท่านั้น ผมมองว่าการค้าขายกับอเมริกา แฟร์นะ ตรงไปตรงมา แต่การขึ้นภาษีครั้งนี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบเป็นเรื่องธรรมดา”

รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ ยังบอกอีกว่า สถานการณ์ครั้งนี้หลายประเทศกำลังออกมาต่อต้านสหรัฐ ทั้งยุโรปและอาเซียน รวมไปถึงประเทศจีน และยกตัวอย่างเวียดนาม มีข้อเสนอต่อสหรัฐ คือภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ทั้งนำเข้าและส่งออก แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร
ส่วนภาพรวมของประเทศไทยผู้ที่ส่งออกสินค้าไปอเมริกานั้น ส่วนมากเป็นลักษณะต่างชาติมาตั้งฐานการผลิตที่ไทยเพื่อได้สิทธิทางการค้า มองว่า กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบแน่นอน ส่วนไทยผลิตสินค้าเกษตรเสียเป็นส่วนมาก มองว่า จะไม่กระทบมากนัก ยกเว้นสินค้าภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบแน่นอน

“เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล จะขอเจรจาการค้าและภาษีกับสหรัฐ เพราะไทยได้เปรียบดุลการค้า ไม่เฉพาะสินค้าที่เป็นอาหารทะเลแช่แข็งเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการ ที่ไทยต้องส่งไปขายยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไทยทำการบ้านเพื่อเจรจาเรื่องภาษีอย่างไร แต่ในความเห็นส่วนตัว มองว่า ได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะ 17 รายการสินค้าที่สหรัฐขึ้นภาษี เกือบ 70-80% ของสินค้าทั้งหมด เป็นสินค้าที่ต่างชาติมาตั้งโรงงานผลิตในไทยเพราะได้สิทธิทางการค้า สินค้าที่ไทยผลิตคือสินค้าอาหาร สินค้าเกษตร เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการเจรจากับสหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เป็นนักธุรกิจ เชื่อว่าเขาพร้อมเจรจาอยู่แล้ว”
บุญชู กล่าวอีกว่า ที่ต้องระวังหลังจากนี้คือ สินค้าที่จีนไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้ อาจจะส่งกลับมาขายในเอเชียและอาเซียน ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบ เพราะโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลาง จะอยู่ไม่ได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการตั้งรับในกรณีนี้ด้วย
และฐานะประธานกรรมการ บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) ‘บุญชู’ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทำการค้ากับทั้งจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ ยอดขายปี 2567ประมาณ 2,800 ล้านบาท โดยส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทานไปอเในสัดส่วน สหรัฐ 10% ที่เหลือส่งออกไปขายจีนเกือบ 70% ,ญี่ปุ่น 15% ,อื่น ๆ 5% สินค้าที่ส่งออกไปจีน ส่วนมากคือกุ้งพร้อมรับประทาน สินค้าที่ส่งไปญี่ปุ่น คือ ปลาดิบ กุ้ง หมึก ส่วนที่ส่งไปสหรัฐ เป็นอาหารพร้อมรับประทาน เช่น หมึก กุ้ง ปลา

“เพิ่งเช็กข้อมูลมาล่าสุด พบว่าที่สหรัฐจะเก็บภาษี 36% นั้น จะเก็บเพิ่มขึ้นจากภาษีโดยปกติที่เก็บอยู่เฉลี่ย 10% เท่ากับภาษีสินค้าไทยส่งไปสหรัฐ จะต้องเสียภาษีเกือบ 46% ดังนั้นจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ส่วนแนวทางการตั้งรับของผู้ประกอบการอาหารทะเลแช่แข็ง บุญชู กล่าวว่า อาจจะหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการส่งอาหารทะเลไปยังสหรัฐ แต่เบื้องต้นผู้ประกอบการรอให้ทางรัฐบาลไปเจรจาการค้าเรื่องภาษีให้แล้วเสร็จ และรอหลังดูหลังเดือนกรกฎาคมก่อนว่า สถานการณ์ยังสามารถไปต่อได้หรือไม่
“ปัญหาภาษีนำเข้าที่แพงขนาดนี้ สินค้าอาหารทะเลแช่แข็งที่จะส่งไปเชื่อว่า ผู้ประกอบการทุกราย คงชะลอการส่งออก เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน”