‘พิรงรอง’ รอดนอนคุก ศาลให้ประกันตัว คดีกลั่นแกล้ง True ID

6 ก.พ. 2568 - 04:44

  • โทษ ฐานกระทำผิดมาตรา 157

  • ทนายของดร.พิรงรองได้ยื่นขอประกันตัว

  • ศาลให้ประกันตัว ดร.พิรงรอง วงเงิน 300,000 บาท

economic_business_thai_law_nbtc_save_true_SPACEBAR_Hero_d741bec2e1.jpg

เมื่อเวลา 09.30 น.ตุลาการขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา คดีระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และ จำเลย คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ จากการออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทรูไอดี หลังจากมีผู้ร้องเรียนต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ที่ศาสตราจารย์พิรงรองเป็นประธาน โดยสำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบการโทรทัศน์ ทีวีดิจิทัล ให้ทำตามกฎ Must Carry อย่างเคร่งครัด หากมีรายการไปออกอากาศผ่านโครงข่าย หรือแพลตฟอร์มใด จะมีโฆษณาแทรกไม่ได้ ในหนังสือเตือน ไม่ได้ส่งตรงไปที่บริษัท ทรู ดิจิทัล โดยตรง แต่ทรูอ้างว่าทำให้เกิดความเสียหาย จึงฟ้องศาลว่า ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยก่อนหน้านี้ทรูยังขอให้ศาลสั่งศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ยุติปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะตัดสินคดี แต่ศาลยกคำร้อง

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เห็นว่า กรณีจำเลยออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ทำให้ผู้ได้รับอนุญาตเข้าใจว่า โจทก์เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย อาจส่งผลให้ผู้รับอนุญาตอาจระงับเนื้อหารายการต่าง ๆ ที่บริษัทส่งไปออกอากาศ ส่อแสดงเจตนากลั่นแกล้งให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย

จากการที่มีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. ในปี 2566 หลังจากพบว่า บนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชัน True ID มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการแอป True ID ได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง ต่อมา คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และสำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการออกอากาศบนแพลตฟอร์ม True ID เป็นการออกอากาศผ่าน OTT ยังไม่มีข้อกฎหมายที่จะต้องขออนุญาตจาก กสทช. และการกระทำของจำเลย ที่มีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ออกหนังสือเป็นการพูดในทำนองว่า ตลบหลัง และการล้มยักษ์นั้น ทำให้มีหลักฐานชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอหักล้างพยานโจทก์ได้

ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี

ล่าสุดหลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ทนายจำเลย ยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี

ศาล อุทธรณ์กลาง พิจารณาแล้วให้ประกันจำเลย ในวงเงิน 120,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์