BAFS จับมือ Thappline ลุยเชื่อมท่อน้ำมันสายเหนือ เปิดใช้ปี 69

20 ม.ค. 2568 - 04:29

  • เดินหน้าโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง)

  • เชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้พื้นดินภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือ

  • เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

economic_business_thai_oil_pipeline_northern_SPACEBAR_Hero_1748ebc945.jpg

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท บาฟส์ (BAFS Group) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้ดิน โดยความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) พร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2568 ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569 โดยเริ่มรับน้ำมันจากคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เชื่อมต่อกับระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 บริเวณจังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันของ BPT มีระยะทางรวม 726 กิโลเมตร นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ และเป็นระบบท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในอาเซียน

โครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 สระบุรี-อ่างทอง ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์ สอดรับกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งพลังงานของประเทศ โดยคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปาง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในด้านการเก็บสำรองน้ำมันของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นภาคตะวันออกอีก 5 โรงกลั่น ลดความเหลื่อมล้ำของราคาน้ำมันระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพมหานครรวมถึงปริมณฑล อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งน้ำมันของประเทศ ให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ สะอาด บริสุทธิ์ และมีการสูญเสียน้ำมันจากการขนส่งน้อยที่สุด ลดต้นทุนจากการขนส่งและการจัดเก็บน้ำมัน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ อีกทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำของไทยในอนาคต

“การเดินหน้าขยายโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมัน รองรับความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยกระดับการให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 5.2 ล้านต้น”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์