พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า PCB คือส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นทางเดินสัญญาณไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อาทิ ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทาน ไดโอด และเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้และสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดย PCB มีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ จากข้อมูลของ Precedence Research ผู้ให้บริการด้านข้อมูลตลาดเชิงลึก ระบุว่า ในปี 2023 อุตสาหกรรม PCB ทั่วโลกมีมูลค่า 86.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 5.8 ต่อปี จนมีมูลค่าถึง 152.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2033 ตามการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งการพัฒนาของเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะ และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ทั้งนี้ ในปี 2023 จีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออก PCB มากที่สุดในโลก มูลค่า 17.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 4.62 ขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 7 ของโลกและอันดับที่ 2 ของอาเซียนในปี 2023 มูลค่า 1.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1.86
ผอ.สนค. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลายประเทศทั่วโลกสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นรากฐานในการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าสูง เห็นได้จากการจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนการผลิตและการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB อาทิ จีนมีนโยบาย ‘Made in China 2025’ ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิต PCB ขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ส่วนมาเลเซีย จัดทำแผนแม่บทอุตสาหกรรมแห่งชาติ (New Industrial Master Plan: NIMP) 2030 ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง PCB และยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (National Semiconductor Strategy: NSS) ที่ส่งเสริมและพัฒนาการผลิต PCB
ให้สามารถรองรับการใช้งานเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความซับซ้อนสูง ในขณะที่เวียดนาม จัดทำแผนปฏิบัติการและกลยุทธ์การพัฒนาศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ และเขตอุตสาหกรรมไฮเทค 3 แห่ง เพื่อรองรับการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต
นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ออกกฎหมายและมาตรการสนับสนุนหลายประการเพื่อผลักดันการผลิตและการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB อาทิ สหรัฐอเมริกา ออกกฎหมาย CHIPS and Science Act of 2022 เพื่อสนับสนุนการผลิตในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง PCB ภายในประเทศ โดยมีโครงการสนับสนุนทางการเงินหลายระดับ ร่วมกับการให้เครดิตภาษีร้อยละ 25 สำหรับการซื้อและจัดหา PCB ที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่น สนับสนุนเงินทุนแก่บริษัทที่มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาระหว่างผู้ประกอบการและสถาบันการศึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเกาหลีใต้ จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุน ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการทางกฎหมายให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
เพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดผู้ประกอบการให้มาลงทุน อีกทั้งยังมีระบบสนับสนุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ อาทิ การให้บริการด้านภาษา และการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการเงิน
สำหรับประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยรัฐบาล
ได้สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB ภายในประเทศ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กำหนดให้อุตสาหกรรมการผลิต PCB อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2566-2570 และให้สิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ อาทิ การยกเว้นภาษีอากรนำเข้าวัตถุดิบ และการให้ครอบครองที่ดินและประกอบกิจการ ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนกิจการอื่น ๆ ที่สนับสนุนอุตสาหกรรม PCB และจัดกิจกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานภายในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยในการผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบส่งให้กับผู้ผลิต PCB อีกทั้งร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และภาคเอกชนในการจัดหาและพัฒนาทักษะแรงงานผ่านกิจกรรม Job Matching และโปรแกรม Upskill และ Reskill เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากร ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์มีบทบาทในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย จากนโยบายปรับโครงสร้างการส่งออกให้ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการส่งออกในธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึง PCB ร่วมกับการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนข้อมูลทางการค้าและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
ผอ.สนค. กล่าวทิ้งท้ายว่า จากแนวโน้มความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาของเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะ และ AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ภาครัฐและเอกชนของไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรม PCBไทย โดยอาจนำนโยบาย/มาตรการของประเทศสำคัญและประสบความสำเร็จมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของไทย รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม PCB ภายในประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และทักษะแรงงานให้ตอบสนองต่อความต้องการ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นฐานการผลิต PCB และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกและผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีระดับโลก