พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์คัดค้านการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พ.ศ. ... โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่วพระพุทธศาสนาซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1แห่งโกสินทร์ ทรงสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 9 ไว้เป็นหลักฐานจนทุกวันนี้ มีพระพุทธธรรมเป็นคำสอนเป็น
ที่ประจักษ์ต่อวงวิชาการและวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นกระบวรการค้ำยันให้สังคมมนุษยชาติ ไม่จำกัด เพศ ผิวพรรณ เชื้อชาติ ให้มีความเจริญพัฒนารุ่งเรือง อย่างสถาพรมั่นคง เป็นอารยธรรมของมนุษย์ มีความศิวิไลซ์และอนาคตตราบนานเท่านาน ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคงของชาติ มิได้อาศัยเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยชี้นำประชาชนให้หลงใหลในกิเลสหรือเครื่องเศร้าหมอง คือ อบายมุข แต่ให้ทุกคนจากคำสอนในพระพุทธธรรม มากำกับตนเองให้มีคุณธรรม จากนั้นจึงแสดงออกมาให้คนอื่น หรือชาติอื่น ๆ รู้ว่าเราเป็นมนุษย์ เป็นชาติแห่งอารยธรรม คือ มีจริยธรรมนั่นเอง
นายกรัฐมนตรี เป็นสุภาพสตรี มีบุตรและธิดาในวัยเด็กที่น่ารักเหมือนน้ำใสสะอาดกำลังเจริญเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ จะเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล จะเป็นเยาวชนผู้กุมอนาคตของชาติ จักได้เข้าใจว่า ชาติจะเจริญขึ้นนั้นกับการทำตามคำสอนของพระพุทธธรรม เช่น วุฑฒิธรรม โดยเฉพาะข้อ 4 คือ ธรรมานุธรรม-ปฏิบัติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม) คือ ธรรมะที่ค้ำยันให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง โดยปัจเจกบุคคล ใช้ธรรมะนำทางชีวิต มิใช่การมีอาชีพด้วยกิจกรรมที่ตรงข้ามกับศีล 5 โดยเฉพาะในศีลข้อ 2 และข้อ 5 อันจะนำความเสื่อมมาสู่ปวงชนชาวไทยและชาติไทยในที่สุด
การที่รัฐบาลจะดำเนินการให้มี Entertainment Complex (EC) โดยอ้างว่ามีในต่างประเทศและมีประโยชน์นั้น เป็นการรับรู้ข้อมูลด้านแคบและขาดวิสัยทัศน์เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ต้องพึ่งเศรษฐกิจจาก EC เลย แต่ประเทศไทยมีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ หรือสุวรรณภูมิมีทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ของโลก การชี้นำเศรษฐกิจนี้จะเป็นการให้วิสัยทัศน์ที่เบี่ยงเบนต่อลูกหลานของท่านนายกรัฐมนตรีให้เข้าใจผิดว่า ปัจจัย 4 ไม่สำคัญ และเห็นว่ากิจการ EC ซึ่งขัดต่อศีล-ธรรม และมีผลเสียต่อคุณธรรมนั้น เป็นเรื่องดี
แต่ในหลักพระพุทธธรรม EC คือหนทางแห่งความเสื่อม คือ อบายมุข ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินไทยที่มีพระพุทธธรรม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นศาสนาที่สอนความจริง ความมีเหตุมีผลตามอริยสัจ 4 ประการ และนำสังคมสู่ความเจริญการพัฒนาชาติให้เจริญ ควรใช้ยุทธศาสตร์ของมรรคมีองค์ 8 ในกรอบปัญญา ศีล และสมาธิ ด้วยการประยุกต์หลักการสัมมาปฏิบัติ ทั้ง ๔ ข้อ มาแก้ปัญหาของชาติด้วยวิถีแห่งพระพุทธธรรม
พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเครือสมาคมทั่วราชอาณาจักร ได้ร่วมกันมีปฏิญญากรุงเทพมหานคร 2566 ไว้แล้ว 5 ประการ (ฉบับย่อ) และได้นำเสนอกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 คนไทยควรยึดหลักว่า
1. เดินตามรอย รัชกาลที่ 9
2. ปลุกเร้าการไม่โกง
3. จรรโลงพระพุทธศาสนา
4. ศรัทธาทำตามพระพุทธธรรม
5. น้อมนำศีล 5 สู่สังคม
ในนามพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมรารูมภ์ และเครือสมาคม
พระพุทธศาสนาทั่วราชยามาจักร จึงขอคัดค้านการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พ.ศ. ... (ธุรกิจสถามบันเทิงครบวงจง "กาสิโน") ฉบับนี้
เช่นเดียวกับสภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ขอคัดค้าน (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...... เช่นกัน เนื้อหาระบุว่ากราบเรียน ฯพณฯ แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี
ตามที่คณะรัฐนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้การนำเสนอ (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดย ฯพณฯ ก็ได้มีการบรรจุ(ร่าง) พรบ. ฉบับดังกล่าวนี้เข้าวาระการประชุม เพื่อดำเนินประชุมพิจารณาลงมติ ในวันที่ 9เมษายน พ.ศ.2568 ดังเป็นที่ทราบโดยทั่วไปแล้วนั้น
สภาคริสตจักรในประเทศไทย เป็นองค์การคริสต์ศาสนานิกายโปรเตสแตนท์ ขอยืนยันถึงเจตนารมณ์ของคริสตจักร โรงเรียน และโรงพยาบาล ซึ่งมีพันธกิจในการเป็นครูสอนศีลธรรมแก่มวลมนุษยชาติ มีหน้าที่ประกาศ สั่งสอน และ อบรม หลักการด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และ ข้อปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามระเบียบของสังคมแก่เยาวชนและประชาชนไทย
ขอยืนยันในหลักคำสอนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ ที่มีข้อห้ามและบทลงโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาไว้อย่างชัดเจน จึงขอแสดงจุดยืนในการคัดค้านอย่างหนักแน่น และ ขอเรียกร้อง ฯพณฯ ท่าน ผ่านไปยังคณะรัฐมนตรี และ ทุกพรรคการเมือง ได้โปรดทบทวน ยุติ ระงับ (ร่าง) พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวนี้ด้วย เนื่องเพราะการออกใบอนุญาตให้มีการพนันหรือมีบ่อนกาสิโน ผ่านสถานบันเทิงครบวงจร จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสังคมไทย เป็นการนำพาชีวิตผู้คนในสังคมไทยไปสู่ปัญหาเชิงสังคมด้านอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย อีกทั้งยังขัดต่อศีลธรรม พวกเราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงบทบาทในการปกป้องเยาวชนและประชาชน ด้วยการออกกฎหมายที่ชอบธรรม เป็นกฎหมายที่สอดคล้องกับศักดิ์ศรีของมนุษย์และเป็นไปตามเหตุผลที่ถูกต้องตามคลองธรรม เป็นกฎหมายที่นำมาซึ่งประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนและของสังคมไทยอย่างยั่งยืนด้วยเถิด
สภาคริสตจักรในประเทศไทย ขอเรียกร้อง ฯพณฯ ท่าน ผ่านไปยัง คณะรัฐมนตรี และ พรรคร่วมรัฐบาล โปรดมีความตระหนักด้วยว่า การประกอบการด้านธุรกิจ หรือ การทำกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ และพฤติกรรมทางด้านศีลธรรม มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจควรจะเป็นการพัฒนาที่ถูกต้องตามหลักคุณธรรม ศีลธรรม และ จริยธรรมด้วย เพื่อจะมุ่งไปสู่การพัฒนาและนำมาซึ่งความสงบและผาสุกให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืนสืบไป
