ราชกิจจาฯ ประกาศลดภาษีดึงแรงงานระดับหัวกะทิกลับเข้ามาทำงานในไทย

25 มี.ค. 2568 - 10:09

  • เก็บภาษีบุคคลธรรมดาคงที่ 17%

  • สนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาในงานในไทย

  • โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

economic-business-thai-tax-attract-work-SPACEBAR-Hero.jpg

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 793) พ.ศ.2568 มีสาระสำคัญเป็นการมอบสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาในงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

โดยกรณีลูกจ้าง ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย และคงจัดเก็บในอัตรา 17% ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572

ส่วนนายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมาย และจ้างแรงงานลูกจ้างดังกล่าว ให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวน 50% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้แก่ผู้มีเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกานี้ ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 โดยการดำเนินการทั้งหมดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุน ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการภาษีเพื่อดึงดูดให้ผู้มีทักษะที่เคยทำงานในต่างประเทศกลับเข้ามาทำงานในประเทศ จึงสมควรลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่บุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่เคยทำงานในต่างประเทศ และเดินทางเข้ามาทำงานในกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งจ้างงานบุคคลดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572

คุณสมบัติของคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาในงานในประเทศ

  1. สัญชาติไทย
  2. วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
  3. มีประสบการณ์การทำงานในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยไม่น้อยกว่า 2 ปี
  4. เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำงานให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลดังกล่าว ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และมีกำหนดเวลาเริ่มต้นทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานดังกล่าวตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นได้แจ้งการจ้างลูกจ้าง ดังกล่าวตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อกรมสรรพากรก่อนจ่ายเงินได้ให้ลูกจ้างครั้งแรกของการจ้างแรงงาน โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวจะได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่กรมสรรพากร ได้รับแจ้งจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
  5. ไม่เคยทำงานในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้เริ่มต้นใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกานี้ และไม่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคสาม ในสองปีภาษีก่อนหน้าปีภาษี ที่ได้เริ่มต้นใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกานี้
  6. เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษี ที่ใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ปีภาษีที่เริ่มต้นใช้สิทธิหรือปีภาษีสุดท้าย ที่ใช้สิทธิดังกล่าวอาจไม่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยเช่นว่านั้นก็ได้
  7. มีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์