นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศตั้งกำแพงภาษีครั้งใหญ่ ทำเอาภาคเกษตรส่งออกของไทยปั่นป่วนรุนแรง เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงกุ้งส่งออก ในทุกพื้นที่ที่พยายามดิ้นหาทางออกเช่นหาตลาดใหม่อย่างประเทศจีนและในกลุ่มอาเซียนส่งออกให้มากขึ้น รวมไปถึงเสนอแนะรัฐบาลประกาศนโยบายให้คนไทยหันมาบริโภคกุ้งไทยให้มากขึ้น
จากสถานการณ์ในอดีตที่เคยรุ่งเรืองของภาคการผลิตกุ้ง เราสามารถเลี้ยงกุ้งได้สุงสุดถึงปีละ 6 แสนตันและส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 3 แสนตัน แต่เมื่อตลาดส่งออกกุ้งเปลี่ยนไปประเทศไทยสามารถผลิตกุ้งเหลือเพียง 280,000 ตันต่อปี และแบ่งการส่งออกเป็นแม่น้ำ 4 สาย คือ ส่งออกไปอเมริกา 40,000 ตัน และส่วนที่เหลือแบ่งไป ประเทศจีน กลุ่มประเทศอาเซียนและบริโภคภายในประเทศ

ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งสงขลา ปรีชา สุขเกษม เปิดเผยกับทีมข่าว Spacebar ว่า สิ่งที่ตั้งแต่เกิดกระแสข่าวว่าประธานธิบดีสหรัฐฯ ปรับภาษีใหม่ก็ทำราคากุ้งตกลงมาประมาณ 30-40 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก็พยายามปรับตัวกันอย่างเต็มที่เมื่อเจอวิกฤติ เรากังวลมากสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก็คือ กังวลว่ากุ้งไทยที่เคยส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกาปีละ 40,000-50,000 ตันมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทจะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งชาติอื่นได้
“ถ้ารัฐบาลไม่เจรจาต่อรองเพื่อเอาตลาดคืนมาเพราะราคากุ้งเพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์เราก็ไม่สามารถแข่งขันกับตลาดได้แล้วและกุ้งส่วนนี้เราจะเอาไปไว้ที่ไหน วันนี้เราจึงอยากให้บนโต๊ะเจรจาเรื่องกุ้งไทยจะไม่ตกขบวนและถูกมองข้ามไป เพราะจุดเด่นของกุ้งไทยเราดีกว่ากุ้งต่างชาติก็คือเรามีกุ้งที่มีคุณภาพสูง รสชาติอร่อยและเรายังมีมาตรฐานรับรองว่ากุ้งไทยคือกุ้งที่ดีที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นทางออกในยามวิกฤติเช่นนี้รัฐบาลควรรณรงค์ให้คนไทยบริโภคกุ้งไทยให้มากที่สุด”

นอกจากนี้ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งสงขลา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับสมาคมกุ้งไทย สมาคมแช่เยือกแข็ง ร่วมกับเกษตรกรของประเทศก็ได้หารือกันเพื่อหาทางออกในการจัดการตนเองในวิกฤติครั้งนี้เบื้องต้นก็ต้องมีการชะลอการผลิตออกไปก่อน ส่วนฝั่งของผู้แช่เยือกแข็งก็มองว่าหากชะลอก็อาจจะทำให้เสียตลาดได้เพราะฉะนั้นการบริหารให้ลงตัวที่สุดคือเราต้องได้รับความชัดเจนจากรัฐบาล อยากย้ำว่า “ประเด็นเรื่องกุ้งไม่ควรจะตกจากโต๊ะเจรจาของรัฐบาลกับสหรัฐอเมริกา” เพราะมันจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและค้ากุ้งทั้งระบบกระทบอย่างมหาศาล
ขณะที่ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ทรงพล จังศิริวัฒนธำรง กล่าวถึงสถานการณ์ในภาพรวมของจังหวัดสงขลาในภาคการผลิตและส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกำแพงภาษีทรัมป์ ว่า การตั้งภาษีใหม่ของสหรัฐอเมริกาฯ นั้นกระทบกับภาคธุรกิจส่งออกของจังหวัดสงขลาไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงยางพารา และอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป และเมื่ออเมริกาประกาศแบบนี้ก็ทำกระทบภาคการส่งออกอันดับ 1 ของไทยแน่นอน

เนื่องจากอเมริกาคือตลาดหลักในการส่งออกของเรา เมื่อราคาสินค้าเราถูกเพิ่มขึ้นไป 37 เปอร์เซนต์ผู้ผลิตอาจจะเปลี่ยนฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่นแทนซึ่งในระยะยาวจะทำกระทบทั้งระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งสำหรับจังหวัดสงขลาเองก็ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีการเจรจารัฐบาลไทยจะมีการเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนกับสหรัฐอเมริกา เพื่อลดกำแพงภาษีหรือออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการต้องเร่งให้รัฐบาลรีบดำเนินการโดยทันที
