แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 ครั้งที่ 1/2568 โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
การที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในช่วงเดือนตุลาคม 2569 ณ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญของไทย เนื่องจากจะมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 18,000 คน ซึ่งมีประเทศสมาชิกเดินทางมาเข้าร่วมเกือบ 200 ประเทศโดยเป็นผู้นำระดับสูงทางเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญ ทั้งในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารกลาง และผู้แทนสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ World Bank และ IMF
โดยการจัดงานต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจและการบูรณาการจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะทำให้การเป็นเจ้าภาพของไทยประสบความสำเร็จไปด้วยดี ซึ่งประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาแล้วเมื่อปี 2534 การเป็นเจ้าภาพการประชุมในครั้งนี้ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของไทย โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการเงิน การเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน (Fin Hub) ที่มีการนำ AI หรือระบบดิจิทัลมาใช้ รวมทั้งแสดงบทบาทและศักยภาพของไทยในการเป็นประเทศท่องเที่ยวชั้นนำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เห็น
ทั้งนี้ คณะทำงานอยู่ระหว่างดำเนินการเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน ใน 4 คณะ ได้แก่
- คณะอนุกรรมการด้านสารัตถะ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการด้านพิธีการและอำนวยการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานอนุกรรมการ
- คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัย การจราจร และสาธารณสุข โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานอนุกรรมการ
- คณะทำงานที่ปรึกษาเพื่อเตรียมการจัดการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อให้การทำหน้าที่เจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมสถานะและบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก
นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่า การที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปี 2569ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยจะแสดง (showcase) และตอกย้ำศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกของไทย รวมทั้งแสดงความพร้อมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ และ soft power โดยนายกรัฐมนตรียังเห็นว่า โอกาสในการประชุมครั้งนี้ หากจัดให้มีการประชุมหรือการหารือคู่ขนาน (side meeting) ควบคู่กันไปด้วย จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศและสร้างเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจอีกด้วย
ทั้งนี้ การประชุมประจำปีฯ ปี 2569 มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม 2569 เป็นการประชุมที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมมากที่สุด ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากประเทศสมาชิกของธนาคารโลก ผู้ว่าธนาคารกลางจากประเทศสมาชิก IMF ประมาณการผู้เข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 18,000 คน มีการประชุมหลัก ณ สถานที่จัดการประชุม และการประชุมภายนอกระหว่างประเทศสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 1,000 การประชุม
