กรณีศึกษา BYD แคมเปญลดแล้ว ลดอยู่ ลดต่อ

3 ก.ค. 2567 - 08:17

  • เป็นแคมเปญการตลาดค่ายรถยนต์ที่ต้องศึกษา

  • การลดราคารถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่องของ BYD

  • มุมมองของผู้ประกอบการกับผู้บริโภค มองต่างกัน

economic-car-ev-byd-auto-SPACEBAR-Hero.jpg

เป็นกรณีศึกษาการตลาดรถยนต์ในบ้านเราได้ดีที่สุด การใช้แคมเปญราคาของค่ายรถยนต์กับความพึงพอใจของผู้บริโภคเรื่องเริ่มจาก BYD จัดแคมเปญพิเศษฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ในประเทศไทย ‘BYD Thailand Factory Celebration’ ด้วยการลดราคารถยยนต์รุ่น ATTO 3 สูงสุดถึง 340,000 บาทและก่อนหน้านี้ได้ลดราคารถยยนต์รุ่น Dolphin ลงมาอีก 100,000 บาท เหตุผลของการลดราคา คือ ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลดลง และโรงงานประกอบรถยนต์ในไทยเปิดสายพานการผลิตได้

ทางหนึ่งกระตุ้นให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และกำลังเลือกหลาย แบรนด์ ตัดสินใจได้เร็วขึ้น เมื่อนำมาราคามาเป็นปัจจัยหลัก และอีกทางทำให้คู่แข่งที่กำลังรอเปิดตัว หรือพิจารณาการตั้งราคา ต้องกลับไปศึกษารายละเอียดใหม่ ว่าจะลงสู้ศึกสงครามราคาครั้งนี้หรือไม่ 

ในด้านของผู้บริโภค เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ร้องเรียนค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกาศลดราคากว่า 340,000 บาท ซึ่งผู้โพสต์ซื้อรถในราคาเต็มก่อนประกาศลดราคา จึงทำหนังสือขอเงินส่วนลดดังกล่าวคืน  โดยมีรายละเอียดว่า 

ได้ซื้อรถยนต์ในราคา 1,199,900 บาท โดยทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เมื่อวันที่ 7  กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีค่าเช่าซื้อทั้งสิ้น 1,389,108 บาท ผ่อนชำระ 84 งวด งวดละ 16,537 บาท ผ่อนมาแล้วทั้งหมด 16 งวด ปัจจุบัน ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ค่าเช่าซื้อคงเหลือ 1,124,516 บาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ทางบริษัท BYD REVER Thailand ประกาศลดราคารถยนต์ BYD Atto 3 ทุกรุ่น โดยรุ่นที่ซื้อลดจากราคา 1,199,900 บาท เหลือ 859,900 บาท ลดลงทั้งสิ้น 340,000 บาท ดังนั้นจึงคิดว่าควรจะได้รับเงินส่วนต่างดังกล่าวคืนเพราะผู้ซื้อได้รับความเสียหายหลายด้าน ดังนี้

เจ้าของรถยนต์ ระบุรายละเอียดในโพสต์ว่า 

  1. ด้านภาพลักษณ์ ดิฉันตั้งใจซื้อรถยนต์ในงบประมาณล้านกว่าบาท ส่วนหนึ่งเพื่อภาพลักษณ์สังคม เช่น รถยนต์แบ่งออกหลายราคาส่วนหนึ่งบอกฐานะในสังคม ลูกค้าจึงยอมจ่ายแพงกว่า แต่วันหนึ่งรถยนต์ที่ดิฉันต้องจ่ายเงินล้านกว่าบาทกลายเป็นรถยนต์ราคาระดับล่างในตลาดที่ใครๆ ก็ใช้ เรียนตามตรงนะคะดิฉันไม่คิดว่าจะใช้รถยนต์คันนี้ต่อไป
  2. ด้านราคาขายต่อปัญหานี้ต่อเนื่องมาจากข้อแรก เมื่อรถยนต์ราคาล้านกว่ากลายเป็นรถราคาระดับล่าง ดิฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนรถยนต์ แต่จะขายต่อยังไงคะ เมื่อรถยนด์ป้ายแดงราคา 859,900 บาท ออกจากศูนย์บริการราคาน่าจะตกลง 20% คงเหลือ 687,920 บาท รถยนต์ใช้มาปีกว่าๆ น่าจะราคาลงประมาณ 40% ลงเหลือ 515,940 บาท เท่ากับว่าภายในปีนิด ดิฉันจะขาดทุนทันที 683,960 บาท ประมาณ 57%
  3. ด้านบริการหลังการขาย ดิฉันคิดว่าปัญหานี้จะเกิดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะจากประสบการณ์ที่นำรถยนต์เข้าตรวจสภาพตามระยะเลขไมล์ ช่วงแรกจะบริการเร็วมาก เพราะรถยนต์ยังมีคนใช้น้อยไม่ต้องรอคิว แต่อยู่มาประมาณ 1 ปี กว่าจะนัดคิวกับศูนย์บริการได้ต้องรอ 2-3 วัน พอนำรถยนต์เข้าไปก็ต้องรอหลายชั่วโมงเพราะรถยนต์เข้ารับบริการหลายคัน ยังไม่รวมถึงการซ่อมเมื่อเกิดอุบัติเหตุนะคะ มีข่าวว่าต้องรอถึง 3 เดือน ดังนั้นต่อไปรถยนต์ราคาถูกลงลูกค้าจะใช้บริการศูนย์มากขึ้น ขณะที่ศูนย์บริการเท่าเดิมสงสัยซ่อมหนึ่งครั้งต้องรอข้ามปี ปัญหานี้จะรับผิดชอบยังไงคะ
  4. ด้านประกันรถยนต์ ดิฉันซื้อรถยนต์ปีแรกทำประกันชั้น 1 กับบริษัททิพยประกันภัย วงเงินคุ้มครอง 1,000,000 บาท ปีที่สอง ทำประกันชั้น 1 กับ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย วงเงินคุ้มครอง 950,000 บาท เนื่องจากบริษัททิพยประกันภัย ไม่รับประกันต่ออายุ ล่าสุดมีข่าว บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย จะไม่รับประกันอีกเช่นกัน ในปีต่อไปดิฉันจะทำประกันกับบริษัทอะไรคะ แล้วถ้าหากมีบริษัทประกันรับจะรับประกันวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่ คำนวณคร่าวๆ ปกติรถป้ายแดงจะคุ้มครองวงเงิน 80% หลังจากนั้นจะตกลงปีละประมาณ 10% เท่ากับว่าหากเทียบกับราคารถยนต์ป้ายแดงราคา 859,900 บาท รถยนต์ดิฉันปีที่ 3 ประกันคุ้มครองวงเงินลดลง 40% คงเหลือ 515,940 บาท ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาค่าซ่อมเกินร้อยละ 80 ประกันจะจ่ายวงเงินประกัน อย่างนี้ใครจะรับผิดรอบคะ

ดังนั้นด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ดิฉันจึงใคร่ขอความกรุณาให้ทางผู้บริหารช่วยพิจารณาถึงความเดือดร้อนของลูกค้าของท่านด้วยนะคะ ที่ดิฉันและหลายๆ คนเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ของบริษัท BYD โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ถ้าหากวันนั้นท่านประกาศล่วงหน้าว่าอีก 1 ปี จะราคาถึง 340,000 บาท ท่านคิดว่าจะมีคนซื้อรถยนต์ท่านสักคันมั้ยคะ

ดังนั้น หากท่านจะกรุณาก็ขอให้ชดเชยราคาส่วนเกินที่ลูกค้าเก่าจ่ายไปให้ครบทุกคน ดิฉันเชื่อว่าสินค้าของท่านจะขายดียิ่ง ๆ ขึ้นไปเพราะลูกค้าจะเกิดความเชื่อมั่นด้านราคา เพราะตอนนี้หลายคนเกิดความไม่มั่นใจแบรนด์ BYD แล้วค่ะ

economic-car-ev-byd-auto-SPACEBAR-Photo V01.jpg
economic-car-ev-byd-auto-SPACEBAR-Photo V02.jpg

นั่นคือแง่มุมของผู้บริโภค ส่วนมุมมองของหน่วยงานรัฐอย่าง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่ง สคบ. ตรวจสอบแคมเปญกระหน่ำลดราคา รถยนต์ไฟฟ้า BYD หลังมีข่าวผู้บริโภคได้รับความเสียหาย จากการลดราคาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคที่ออกรถไปก่อนหน้านี้ พร้อมตรวจสอบการกระทำของ BYD สามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งเมื่อผู้บริโภคได้รับความเสียหายเช่นนี้ สามารถรวมกลุ่มเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าส่วนต่างคืนได้หรือไม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์