สหภาพแรงงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (สร.ธกส.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการ สร.ธกส. รอบพิเศษ วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาว่ารัฐบาลสามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.เพื่อไปดำเนินโครงการ Digital wallet จำนวน 1.732 แสนล้านบาทได้หรือไม่ ที่ประชุมคณะกรรมการ สร.ธกส. มีมติให้ดำเนินการ ดังนี้
- ส่งเรื่องให้หน่วยงานกำกับดูแล ธ.ก.ส.ซึ่งได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาว่า รัฐบาลสามารถกู้เงิน ธ.ก.ส. ไปดำเนินการโครงการ Digital wallet ได้หรือไม่
- ส่งเรื่องให้กฤษฎีกา เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายว่า รัฐบาลสามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.ไปดำเนินการโครงการDigital wallet ได้หรือไม่
- ให้ธนาคาร เร่งสื่อสารทำความเข้าใจ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ว่าในปัจจุบัน ธ.ก.ส.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆกับรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Digital wallet เนื่องจากอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้ความเห็นจากส่วนงานกำกับดูแลตามข้อ 1 และ 2
สร.ธกส. ยืนยัน การดำเนินการใดๆของ ธ.ก.ส.เกี่ยวกับโครงการ Digital wallet จะต้องถูกต้องตามกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ขององค์กร และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าผู้ฝากเงินกับ ธ.ก.ส. สมกับคำขวัญของธนาคาร ‘เคียงคู่ รู้ค่า ประชาชน’
เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการแจกเงิน 10,000 ดิจิทัล โดยแหล่งที่มาของเงินส่วนหนึ่งจะขอกู้จากสภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส. ทำให้มีการตีความกันว่า การขอกู้เงินดังกล่าวของรัฐบาล ตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พ.ศ. 2509 สามารถกระทำได้หรือไม่
สำหรับสหภาพแรงงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในปี 2557 ได้ออกมาคัดค้านนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลรักษาการณ์ในช่วงนั้น ได้รัฐาลกดดันให้คณะกรรมการ ธ.ก.ส.อนุมัติเงินจำนวน 50,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายเงินเกษตรกรที่ถือใบประทวนมาจำนำกับ ธ.ก.ส. โดยมีเหตุผลว่า การนำสภาพคล่องส่วนเกินไปใช้ในโครงการไม่มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับ