GULF ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ พร้อมเดินหน้า 13 โครงการ

24 เมษายน 2567 - 07:15

economic-industrial-waste-power-plant-SPACEBAR-Hero.jpg
  • GULF เดินหน้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม

  • วางแผน 13 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.7 หมื่นล้านบาท

  • โรงไฟฟ้าขยะเริ่มเปิดใช้งานปี 2568

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งว่าตามที่บริษัทได้แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 เรื่องการลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (Solid Recovered Fuel: SRF)  3 โครงการ 

ล่าสุดวันที่ 22 เมษายน 2567 บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ETC) เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ GWTE ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.สัญญาซื้อขายหุ้นระหว่าง GWTE กับ ETC โดย GWTE ได้ร่วมลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ETC เพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (GGP) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 10 โครงการ ที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้น จำนวน 80 เมกะวัตต์และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569

สำหรับ ETC ทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) ซึ่งเป็นการเข้ามาถือหุ้นร่วมกับ GWTE และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 2 โครงการ และภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าว ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ GWTE WTX และ ETC อยู่ที่ 34.00% 33.00% และ 33.00% ตามลำดับ

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการภายใต้ SIP มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นระยะเวลา 20 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

2.สัญญาซื้อขายหุ้นระหว่าง GWTE กับ BWG   โดย GWTE และ BWG ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (CC) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 โดย CC จะเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรมเพื่อส่งให้โรงไฟฟ้าในกลุ่ม GWTE ใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวข้างต้น กลุ่มบริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และมีโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568

ข่าวที่น่าสนใจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์