ปัญหาเศรษฐกิจทรุดหนัก หลังเลือกตั้ง แม้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่หลายหลายธุรกิจกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะ ‘ร้านอาหาร’ ยอดขายตก ลูกค้าไม่มีกำลังจ่าย เนื่องจากค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น สวนทางรายได้ลดลง
ทีมข่าว Spacebar Big City ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารในตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งร้านที่เปิดบริการช่วงกลางวันและกลางคืน บอกไปในทิศทางเดียวกันว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน
แม้จะเป็นช่วงกรีนซีซั่น แต่ยอดขายของกลับลดลงไปอย่างมาก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูง รายได้ต่อหัวลดลง ทำคนใช้จ่ายน้อยลง ปัจจุบันร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มทยอยปิดกิจการ และประกาศเซ้งกิจการจำนวนมาก
‘ธนิต ชุมแสง’ นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่เริ่มมีความหวัง หลังจากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ผู้ประกอบการที่ล้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เริ่มกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง พร้อมกับผู้ประกอบการหน้าใหม่ จำนวนมาก เพราะคิดว่าเศรษฐกิจจะต้องดีขึ้น ทุกคนต่างเริ่มลงทุน แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายราย มองว่า แย่กว่าปี 2565 ที่คาบเกี่ยวในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เพราะมีการกระตุ้นการจับจ่ายของรัฐบาล แต่ปัจจุบันยอดขายลดลงไปกว่า 70%
การกลับมาเปิดร้านอาหาร กว่า 1 หมื่นแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดค่อนข้างสูง แต่ผู้บริโภคน้อยลง เพราะจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้รับอานิสงส์ จากการท่องเที่ยวมากนัก นักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยวไปจังหวัดอื่น ประกอบกับ ต้นทุนในยุคปัจจันเพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น คือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทยอยปิดตัว
“ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหาร ตอนนี้อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นโยบายอะไรก็ได้ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ทุกคนรอกันมาครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ต้นปี กลางปี จนถึงตอนนี้จะปลายปี ไตรมาสที่ 3 ยังไปเห็นเป็นรูปธรรมว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหน เพราะผู้ประกอบการมีต้นทุนอยู่ทุกๆวัน”
นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิง จ.เชียงใหม่
จากการตรวจสอบข้อมูลจากสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ มีร้านอาหารประมาณ 1 หมื่นร้าน ทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก กลาง ใหญ่ ในปี 2567 มีผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เป็นรายเล็ก ปิดกิจการไปแล้วเกิน 100 ร้าน
’ชลิตา เหรียญประชา’ ผู้ประกอบการร้านอาหารเรือนนที ให้ข้อมูลว่า เปิดร้านอาหารที่ให้บริการทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเป็นห้องอาหารที่ติดแอร์เพื่อให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ในช่วงก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีลูกค้าจองโต๊ะทุกวัน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 แม้จะทำให้ลูกค้าลดลงบ้าง แต่ก็กลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงสถานการณ์คลี่คลาย แต่ปรากฏว่า หลังจาก ปี 2565 ยอดขายลดลงไปกว่า 50 % หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งหวังว่าจะแก้ปัญหาทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นถึงนโยบายในการกระตุ้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ประสบปัญหาลูกค้าลดลง แต่ต้นทุนสูงขึ้น
“โดยส่วนตัวอยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ส่งเสริมนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว และแก้กฎหมายในอดีต อย่างเช่น กฎหมายงดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในช่วงเวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น. เพราะมีผลกับร้านอาหารที่เปิดตอนกลางวันค่อนข้างเยอะ เนื่องจากร้านเริ่มเปิด 11.00 น. ถึง 22.00 น. โดยลูกค้าจะเริ่มเข้าร้านอาหารตั้งแต่ร้านเปิด ด้วยเวลาที่จำกัดก็ส่งผลทำให้ลูกค้าหายไป นอกจากนี้ยังส่งผลกับนักท่องที่ต่างชาติ ไม่เข้าใจในกฎหมาย ก็ทำให้ร้านเสียลูกค้าไปจำนวนมาก”
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด19 จังหวัดเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางไปกว่า 11 ล้านคน ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยว เหลือ 8.9 ล้านคน ปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยว 10 ล้านคน
ขณะที่ปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ 852,159 คน
