เวิลด์แบงก์ มองปี 2566 แม้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว แต่ความยากจนยังจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน

15 ธ.ค. 2565 - 04:04

  • เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัว 3.4% และเพิ่มเป็น 3.6% ในปี 2566 ซึ่งการขยายตัวในปีหน้าถูกปรับลดลง 0.7 %

  • เป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์โลกที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

  • โดยการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ยังเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

economics-worldbank-gdp-thai-growth-rate-2023-SPACEBAR-Thumbnail
ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ฉบับเดือนธันวาคม 2565: นโยบายการคลังเพื่ออนาคตที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและเท่าเทียม พบว่า เศรษฐกิจไทยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบด้านลบที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา  

เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ 4.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัว การไหลเข้าของนักท่องเที่ยวจากการกลับมาเปิดประเทศในเดือนพฤษภาคม และมาตรการของภาครัฐเพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านค่าครองชีพ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศในเดือนกันยายนกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 45 ของระดับก่อนการระบาด แซงหน้าประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ 

ปัจจุบัน ประเทศไทยประสบปัญหาการขยายตัวของการส่งออกสินค้าที่ชะลอตัวลง ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกสินค้าคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 2.1 ในปี 2566 ลดลงอย่างมากจากที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 8.1 ในปี 2565 การปรับลดนี้สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ลดลงจากประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน ยูโรโซน และสหรัฐฯ 

“ในขณะที่ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่เส้นทางของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงหลังจากการระบาดของโควิด-19 การเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้เพียงพอสำหรับความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและเพื่อรองรับผลกระทบด้านลบอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการ” ฟาบริซิโอ กล่าว  

จากรายงานดังกล่าว การดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ได้ช่วยบรรเทาผลกระทบของวิกฤติที่มีต่อสวัสดิการของครัวเรือนได้อย่างมาก แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่คาดว่าความยากจนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.6 ในปี 2565 จากร้อยละ 6.3 ในปี 2564 เนื่องจากมาตรการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 กำลังจะสิ้นสุดลงท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น  

นอกจากนี้ ผลกระทบด้านลบอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจทำให้พื้นที่ทางการคลังลดลง เว้นแต่จะมีการนำมาตรการช่วยเหลือทางสังคมที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายมาใช้มากขึ้น 

ด้าน เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลกกล่าวว่า วิกฤติในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันที่สำคัญเพื่อให้เกิดการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยการปรับปรุงคุณภาพและการจัดสรรการใช้จ่ายภาครัฐ รวมทั้งเพิ่มการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำตามโครงสร้างเศรษฐกิจ  

ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้จ่าย ในขณะที่ยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงผลกระทบของนโยบายการคลังในด้านการกระจายความเท่าเทียม และการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง ดังนั้น การใช้จ่ายภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งความพยายามในการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินการ 

รายงานฉบับนี้เสนอแนะให้มีการพัฒนาอาชีพและเพิ่มโอกาสในการหารายได้สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยขณะเดียวกันก็เพิ่มพื้นที่ทางการคลังเพื่อให้มีการใช้จ่ายอย่างเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือทางสังคมสำหรับกลุ่มที่เปราะบางที่สุด ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มคนที่ยากจนสุดขั้ว การจัดหาเงินทุนสำหรับการลงทุนของรัฐที่จำเป็นทั้งในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และทุนมนุษย์เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนามนุษย์ในระยะยาว จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายในการลดความยากจนอย่างยั่งยืน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์