Why Nations Fail สัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทย

31 พ.ค. 2568 - 08:46

  • กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม จัดเสวนา “Why Nations Fail : บทเรียนที่ประเทศไทยต้องไม่ล้มเหลว”

  • นำเสนอประเด็นโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายเชิงระบบ

  • เตือนอย่าปล่อยให้ประเทศล้มเหลว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจบิดเบี้ยว และต้องเรียนรู้จากอดีต

Why Nations Fail สัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทย

วงเสวนาหัวข้อ “Why Nations Fail : บทเรียนที่ประเทศไทยต้องไม่ล้มเหลว” จัดขึ้นโดย กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ร่วมกับไทยพีบีเอส เปิดฉากอย่างเข้มข้น นักเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้า นำเสนอประเด็นโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงระบบ ทั้งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ การผูกขาดทางเศรษฐกิจ และการขาดสถาบันที่เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เตือนประเทศไทยกำลังติดกับดักโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เท่าเทียม ขาดการแข่งขัน และกระจุกผลประโยชน์อยู่ในมือกลุ่มทุนใหญ่ หากไม่เร่งปฏิรูปสถาบันทางเศรษฐกิจ-การเมือง เสี่ยงสูญเสียศักยภาพการเติบโตระยะยาว

 

เวทีนี้ เริ่มต้นโดย ศ.ดร.ปราณี ทินกร อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ราชบัณฑิต ผู้เขียนบทปริทัศน์ของหนังสือ Why Nations Fail โดยชี้ถึงเนื้อหาหลักที่นำสู่บทเรียนทางเศรษฐกิจและบทสรุป เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมืองในการกำหนดความมั่งคั่งหรือความล้มเหลวของประเทศ โดย ศ.ดร.ปราณี ได้ชี้ให้เห็นว่า สถาบันที่มีลักษณะ ‘ครอบงำ’ (extractive institutions) ซึ่งรวมถึงระบบการเมืองที่รวมศูนย์อำนาจและระบบเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนบางกลุ่ม จะขัดขวางนวัตกรรมและการลงทุน ส่งผลให้ประเทศไม่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้


ในทางตรงกันข้าม สถาบันที่ ‘มีส่วนร่วม’ (inclusive institutions) ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจ จะส่งเสริมการแข่งขัน ความโปร่งใส และการกระจายโอกาสอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

economist-why-nations-fail-warning-sign-thailand-economy-SPACEBAR-Photo04-1.jpg

ศ.ดร.ปราณี ยังเน้นย้ำว่า ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการปฏิรูปสถาบันเพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจไม่สามารถแยกออกจากการพัฒนาสถาบันที่ดีได้ หากประเทศไทยยังคงมีสถาบันที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนบางกลุ่มและขาดความโปร่งใส ก็อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่จะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวในระยะยาว

 

จากนั้นจึงเข้าสู่วงเสวนาฯ เพื่อตีโจทย์จากหนังสือ และนำสู่การแก้ปัญหาประเทศไทยในระยะยาว โดยนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการเมืองเข้าร่วมอภิปราย ประกอบด้วย
ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย จากกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
ดร. วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
กรณ์ จาติกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการคลัง
 

ผู้ร่วมเสวนาหลายท่านชี้ว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแม้ยังเติบโตในเชิงปริมาณ แต่โครงสร้างกลับสะท้อนความเปราะบางอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการพึ่งพากลุ่มทุนรายใหญ่ ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) รวมถึงประชาชนระดับล่าง กลับเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงทุน โอกาส และตลาด

economist-why-nations-fail-warning-sign-thailand-economy-SPACEBAR-Photo05-2.jpg

 ดร. พิพัฒน์ ระบุ การปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจและกติกาทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายถึงการสร้างระบบที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรม แข่งขันได้ และไม่เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด


ดร.วิรไท อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ย้ำถึงความสำคัญของการมี “แรงจูงใจที่ถูกออกแบบโดยสถาบันที่ดี” เพื่อให้ประชาชนเห็นอนาคตและลงทุนกับมัน

 “สิ่งที่เราขาดไม่ใช่ศักยภาพ แต่คือระบบที่เปิดให้ศักยภาพเหล่านั้นได้งอกงาม เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ ต้องมีสถาบันที่เปิดกว้าง มีส่วนร่วม และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลงทุนในอนาคต”


ด้าน อภิสิทธิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในไทยมีต้นตอจากการเมืองที่ไม่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

“เราไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ หากไม่แตะต้องโครงสร้างอำนาจทางการเมือง ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมาพร้อมสถาบันที่ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียม”

 

กรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปรียบเทียบว่าเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือน “เรือใหญ่” ที่กลายเป็นเรือหนักเพราะแบกรับการผูกขาดทางธุรกิจและผลประโยชน์ทับซ้อน

“การแข่งขันเสรีที่เป็นธรรม ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นแก่นของความยั่งยืน ถ้าไม่ปลดล็อกตรงนี้ เศรษฐกิจก็ลอยไม่ขึ้น”


ข้อเสนอจากเวทีเสวนา
• ปฏิรูป สถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจ ให้เปิดกว้าง มีธรรมาภิบาล และตรวจสอบได้
• ลด การผูกขาดทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม
• กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และนวัตกรรม
• ฟื้นฟู ภาคประชาชนและพลเมือง ให้มีส่วนร่วมทางสาธารณะ
• รัฐต้อง เปิดเผยข้อมูล โปร่งใส และรับฟังเสียงของสังคม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์