AI เปลี่ยนโลก รู้ทัน ลดความเสี่ยง!

23 มีนาคม 2567 - 06:48

Economy-AI-REVOLUTION-2024-SPACEBAR-Hero.jpg
  • คนที่ไม่สามารถปรับตัวในการใช้ AI เสี่ยงตกงาน

  • อย่ากลัวที่จะใช้ AI แต่ต้องรู้ทัน เพื่อลดความเสี่ยง

  • รอดูกฎหมายคุม AI ต่างชาตินิ่ง ก่อนออกกฎบังคับในไทย

มีคำกล่าวว่า ปี 2023 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการทดลองใช้ AI ส่วนในปี 2024 ถือเป็นปีแห่งการใช้จริง ซึ่งการเกิดขึ้นของ AI ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบไปยังคงที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือ สายเทคฯ เท่านั้น เพราะ IMF หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า AI จะส่งผลกระทบมายังงานทั่วโลกถึง 40 % เสี่ยงทำให้คนที่อยู่ในระบบแรงงาน ตกงาน และเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำ 

ล่าสุดในงานเสวนา AI REVOLUTION TRANSFORMING THAILAND ECONOMY จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ที่มีวิทยากรและผู้บริหารบริษัทบิ๊กเทคฯ ของไทย ได้ออกมาตอกย้ำถึงผลกระทบนี้อีก เริ่มจาก จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุว่า ปี 2024 การใช้ AI เข้ามาในทุกกระบวนการทำงานขององค์กร จะส่งผลกับคนทุกระดับ แบ่งออกเป็น 

1.Biue collar (หมายถึง พนักงานระดับปฏิบัติการ เน้นใช้แรงงาน) 

2.White Collar (หมายถึง พนังานที่เริ่มเป็นระดับผู้จัดการขึ้นไป) เน้นใช้ทักษะการบริหาร ทั้งคู่จะได้รับผลกระทบ เพราะในอนาคตการนำ AI มาใช้กับพนักงาน 50 คน จะเทียบเท่าการมีพนักงานแบบไม่ใช้ AI ถึงหลักหมื่นคน ดังนั้น คือ ทุกคนจึงต้อง Reskill , Upskill เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน

ดังนั้นแนะนำควรมอง AI เป็นตัวช่วยในการทำงาน นอกจากนี้การก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี หรือ Industry 4.0 อย่างแท้จริง มีเครื่องมือ และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปมากซึ่งจะนำมาสู่ Business Model ใหม่ๆอีกด้วย

unnamed (3).jpg

AI ไม่ได้มาเปลี่ยนแค่ Future of Job แต่ Business Model ก็จะเปลี่ยนไป เช่น ถ้าเราเทียบเว็บ 2.0 มาเว็บ 3.0 จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก แต่ยุคที่กำลังถึง คือ 4.0 มีทั้ง AI , Big data , 3D Printing , Blockchain และ IOT ซึ่งทั้งหมดนี้มันสามารถมาสร้างเป็น Million dollar Idea ได้ เพราะ environment มันเปลี่ยนไป

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คนที่อยู่รอดในบริษัทในอนาคต คือ ที่พร้อมปรับตัวในการใช้ AI ผู้บริหารสามารถวัดผลได้ ด้วยการนำเครื่องมือ AI ให้พนักงานใช้ จะนั้นผลลัพธ์จากการทดลองใช้ จะแบ่งคนออกเป็น 2 ประเภททันที คือ

1. ลองใช้ AI แล้ว มีแต่ข้ออ้าง ติดปัญหาในการใช้งาน  

2. ลองใช้ AI แล้วชอบ ใช้แล้วติดใจ ใช้เป็นประจำ ซึ่งกลุ่มที่สองนี้ มีโอกาสที่จะได้ไปต่อในองค์กร เพราะสามารถลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพงานดีขึ้น

เพราะเมื่อถึงวันที่บริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุนด้านแรงงาน จะทำให้ตัดสินใจอย่างแม่นย่ำและเลือกถูกคน

unnamed (2).jpg

ถ้าไลน์การผลิตของโรงงาน มีคนอยู่ 100 คน แล้ววันหนึ่ง หันมาใช้ Robot หรือ AI เหลือพนักงานทำคนเดียว ธุรกิจเราก็เหมือนกัน ฝ่าย hr ฝ่ายกฎหมาย ตอนแรกใช้ก็จะมีข้ออ้าง 108 แต่เชื่อผมคนที่อยู่รอด คือ คนที่ adapt พวก AI เข้ามาใข้งาน แล้ว Message ผมก็จะประกาศให้ชัดเจนเรื่อยๆว่า นับตั้งแต่ปีไหน เราจะไม่รับพนักงานที่ไม่เป็น AI เข้ามาในองค์กร

ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)

ด้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวว่าเมื่อ 13 มีนาคม 2567 มีรายงานว่า รัฐสภาสหภาพยุโรป EU ได้อนุมัติกฎหมายด้านการจัดการปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เพื่อควบคุมปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น ดีอีเอ ก็กำลังติดตามและคาดว่าอนาคตจะนำกฎหมายของสหภาพยุโรปมาปรับให้เหมาะสมกับบริบทไทย 

ดีอียัง ได้ปรับปรุงคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย โดยมี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ โดยเตรียมพิจารณา ตั้งคณะอนุกรรมการที่ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์ด้านเศรษฐกิจด้วย เพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้

unnamed (1).jpg
g0bVznCEdWvZQ1iyXiEf.webp

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์  ETDA ระบุว่า ขณะนี้ ETDA และรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อยู่ระหว่างรอดู (wait and see) กฎหมายของทางสหภาพยุโรป และอังกฤษ จีน และประเทศอื่นๆ ที่จะออกมาอย่างชัดเจนก่อน ถึงจะมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย 

สอดคล้องกับ พลอากาศตรีอมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ปัจจุบัน สิ่งที่เราก็กังวลมากที่สุด คือเรายังไม่รู้ถึงขอบเขตผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ AI 

อย่างที่ผ่านมา เราจะเห็นการใช้ Deep Fake คนดังเพื่อการหลอกหลวงจากมิจฉาชีพ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อยากให้กังวลในการเทคโนโลยี AI มากเกินไป เพราะอาจจะเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนี้ได้

ZUd0LLufaKlTnH0Jp9KC.webp

AI เป็นดาบสองคม ทั้งดี และลบ แต่ในระหว่างที่เรากำลังดูสองด้านนี้ สิ่งที่ เรากลัวมาที่สุด คือ ดาบทื่อ คือ ถ้าไม่เรียนรู้ ไม่อะไรเลย ดาบทื่อนี้ ใช้เป็นค้อนได้อย่างเดียว

พลอากาศตรีอมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์