สเปกแน่น ฟีเจอร์เพียบ

13 กันยายน 2566 - 03:46

economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Thumbnail
  • สรุปสเปก iPhone 15 ให้ครบทุกรุ่นก่อนเปิดให้สาวกได้จอง

  • iPhone 15 Pro กลายเป็น iPhone รุ่น Pro ที่เบาที่สุด

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อจาก Lightning เป็น USB-C ตามมาตรฐานของทางยุโรป หน้าจอ ขนาดหน้าจอ 2 ขนาด คือ  6.1 นิ้ว ใน iPhone 15 และ iPhone 15 Pro 6.7 นิ้ว ใน  iPhone 15 Plus และ iPhone 15 Pro Max  หน้าจอเป็นแบบ Dynamic Island ซ่อนกล้องหน้า และกล้อง FaceID 

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ยังมากับชิป Apple A16 Bionic ที่ใช้งานใน iPhone 14 Pro มาก่อน ส่วน iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ใช้ชิปเซ็ตใหม่ Apple A17 Pro ที่ปรับปรุงในแง่ของประสิทธิภาพ และพลังงานที่ใช้บนสถาปัตยกรรมแบบ 3 นาโนเมตร โดยเฉพาะการอัปเดตกราฟิก ที่รองรับการทำงานเร็วขึ้น 20% รวมถึงรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ทำให้การเล่นเกมทำได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3DZZ8XdunFmL20uF6XiWOz/e27bcbbfff8f9c5f1a10bd77c0b5550f/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo01
หน้าจอ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max จะยังได้ความสามารถที่สูงกว่าอย่างเช่นเทคโนโลยี Pro Motion ที่ปรับอัตราการแสดงผลได้สูงสุด 120 Hz ความสว่างหน้าจอสูงสุดที่ 2,000 nits ด้วยหน้าจอแบบ OLED ที่รองรับการแสดงผลแบบติดตลอดเวลา (Always On) ขณะที่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ยังมากับหน้าจอ Super Retina XDR ที่ให้ Refresh Rate 60 Hz เช่นเดิม 

การออกแบบ iPhone 15 Pro ปรับเปลี่ยนจากขอบตัวเครื่องที่บางลง และวัสดุที่ใช้เป็นไทเทเนียมที่ให้ความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่น้ำหนักเบาลง ช่วยให้การถือใช้งานทำได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น และกลายเป็น iPhone รุ่น Pro ที่เบาที่สุด
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4rfG1tLzo22FDKcJ2VGVOR/5efa65a80f550ff43c06d3c9c00d9ed0/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo02
ส่วนกล้อง ได้ปรับปรุงให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น รวมถึงการเก็บรายละเอียดที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดย iPhone 15 กล้องหลักมากับความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และมีเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล มาให้ใช้งานด้วย ส่วนกล้องหน้าจะอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล  

รุ่น Pro จะได้เลนส์หลักที่ให้ความคมชัดมากขึ้นที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล โดยเป็นเลนส์ระยะ 24 มม. ซึ่งทำให้รองรับการถ่ายภาพพอร์เทรดทั้งในระยะ 24 มม. 28 มม. และ 35 มม. พร้อมกับอัปเกรดเลนส์ซูม 12 ล้านพิกเซล เป็นระยะ 5x ที่ระยะ 120 มม. f/2.8 ส่วนเลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล f/2.2 ระยะ 13 มม. 

iPhone 15 Pro รองรับการถ่ายภาพที่หลากหลาย และมีความนิ่งมากขึ้นจากระบบกันสั่นรุ่นใหม่ ครอบคลุมระยะตั้งแต่มาโคร ไปจนถึง 120 มม. ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอความละเอียดสูง 4K60fps นอกจากนี้ iPhone 15 Pro ยังสามารถใช้สำหรับการบันทึกภาพในลักษณะของ Spatial Video เพื่อนำไปใช้งานกับแว่นตา Apple Vision Pro ในอนาคต 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1mLCrTlPnEU7qFyELJWnsW/c985240d96d3eed0965f955d629facd7/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo04
การเปลี่ยนพอร์ต Lightning มาเป็น USB-C ใน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะได้พอร์ต USB 2.0 ที่เน้นไว้ชาร์จไฟเป็นหลักมากกว่า เพราะความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลยังอยู่ที่ 480 Mbps เช่นเดียวกับพอร์ต Lightning เดิม ส่วน iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max จะได้พอร์ต USB 3 ที่สามารถโอนถ่ายไฟล์ได้ 10 Gbps และยังรองรับการเชื่อมต่อจอนอก และการชาร์จเร็วที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า iPhone 15 Pro ยังปรับเปลี่ยนปุ่มเปิด-ปิดเสียงเป็นปุ่มสั่งงานลัดแทน เพื่อให้สามารถเรียกใช้งานแอปฯ หรือคำสั่งพิเศษที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งได้เอง อย่างการเปิดแอปฯ กล้อง เปิดไฟฉาย หรือเข้าโหมดห้ามรบกวน  

Apple Watch Ultra 2 มาพร้อมกับคุณสมบัติคำสั่งนิ้ว ‘แตะสองครั้ง’ จอภาพสว่างที่สุดของ Apple, ช่วงระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น, Siri ในตัว, คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริง สำหรับ iPhone ความสามารถสำหรับการผจญภัยทางน้ำ Apple Watch Ultra 2 ใช้ watchOS 10 ที่มีแอปฯ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่, Smart Stack แบบใหม่ ประสบการณ์การปั่นจักรยานรูปแบบใหม่และคุณสมบัติที่จะช่วยในการสำรวจ หน้าปัด Modular Ultra ใหม่ นอกเหนือจากคุณสมบัติล้ำหน้าต่างๆ แล้ว Apple Watch Ultra 2 ยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน 36 ชั่วโมงดังเดิมเมื่อใช้งานตามปกติและยังสามารถใช้งานได้นานถึง 72 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/36IJuDXTLBohnsZijRAglP/9e5d490b39751eef1572dd8eb9e28261/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo05
Apple Watch Series 9  ด้วย SiP รุ่น S9 ใหม่ มาพร้อมประสิทธิภาพและความสามารถที่เพิ่มขึ้น, คำสั่งนิ้ว ‘แตะสองครั้ง’, จอภาพที่สว่างขึ้น, Siri บนอุปกรณ์ที่เร็วขึ้น, ความสามารถใหม่ในการเข้าถึงและบันทึกข้อมูลสุขภาพ ตลอดจนคุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone และอีกมากมาย Apple Watch Series 9 ขับเคลื่อนโดย watchOS 10 ซึ่งมาพร้อมแอปที่ออกแบบใหม่, Smart Stack ใหม่, หน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่, คุณสมบัติการปั่นจักรยานและการเดินเขาใหม่ และเครื่องมือเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพจิต 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1es17cL3nWO6BcRiA8XFZO/47ad41086749da9003628a861e26b287/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo06
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3fJpNXO6B3V6dnu9Hypkgx/a2268b18ad5ae8ed657dec8e45e442d6/economy-apple-iPhone15-applewatch-airPodsPro-SPACEBAR-Photo07
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) มาพร้อมการชาร์จด้วย MagSafe (USB-C) พัฒนาระบบการฟังเสียงส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง ถ่ายทอดคุณภาพเสียง พร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า โหมดฟังเสียงภายนอก ประสบการณ์ระบบเสียงตามตำแหน่งที่สมจริงยิ่งขึ้น และจุกหูฟังหลายขนาดเพื่อให้สวมใส่ได้พอดียิ่งขึ้น AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ได้รับการอัปเกรดให้มีความสามารถในการชาร์จด้วย USB-C ทนฝุ่น ให้เสียงแบบ Lossless บน Apple Vision Pro iOS 17 ให้ประสบการณ์การฟังเสียงแบบใหม่ด้วยคุณสมบัติเสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม และ Conversation Awareness 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์