ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการด้านนโยบายพลังงานทีดีอาร์ไอ กล่าวในหัวข้อ “ปฏิรูปไฟฟ้า....พาไทยให้อยู่รอด” ว่า การปฏิรูปไฟฟ้าถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ภาครัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง เพราะในขณะนี้เป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาครัฐล่าช้ากว่าเป้าที่ภาคเอกชนได้ตั้งเอาไว้
นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดความสมดุลด้านพลังงานไทย ที่ประเมินโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน พบแนวโน้มความสมดุลด้านพลังงานของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านความมั่งคั่ง และความยั่งยืน ดังนั้นภาครัฐจะต้องคำนึงถึงความสมดุลด้านพลังงานโดยรวมด้วย ทั้งความมั่นคง เช่น สัดส่วนการนำเข้าพลังงาน รวมไปถึงความยั่งยืน เช่น การมุ่งสู่พลังงานสะอาด
ดร.อารีพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลไทยมีการวางนโยบาย เช่น โครงการโซลาร์ภาคประชาชน แต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่ามีอีกหลายนโยบายของภาครัฐที่ยังสวนทางกับการเพิ่มไฟฟ้าพลังงานสะอาด การเปิดเสรีไฟฟ้า และทำให้เกิดผลกระทบต่อความสมดุลพลังงาน เช่น การปรับราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทำให้ผลตอบแทนการลงทุนลดลง ส่งผลให้เอกชนหันไปลงทุนพลังงานหมุนเวียนในประเทศเพื่อนบ้านแทนการพับแผน Net metering (การคิดค่าไฟฟ้าแบบหักลบกลบหน่วยตามจริง) ซึ่งทำให้ส่วนลดค่าไฟจากการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปหายไป รวมถึงการวางโครงสร้างค่าไฟที่ไม่ครอบคลุมต้นทุนอย่างเป็นธรรม
การที่จะไปถึงเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้เร็วและเป็นจริงได้มากขึ้น ต้องให้มีการแข่งขันการผลิต โดยสนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น พร้อมปรับโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติให้ทำหน้าที่หลักสนับสนุนเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า รวมถึงอนุมัติ Net metering เพื่อจูงใจให้ครัวเรือนหันมาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมากขึ้น และในระยะสั้นผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคนต้องช่วยรับผิดชอบต้นทุนความมั่นคงของระบบไฟฟ้าโดยรวมด้วย