ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในโอกาสเข้าทำงานในกระทรวงฯ วันแรกว่า งานของกระทรวงเป็นงานที่เกี่ยวกับอนาคต นายกรัฐมนตรีมีนโยบายหลายเรื่องเกี่ยวกับกระทรวง เริ่มจากการเปลี่ยนจากรัฐอุปสรรคเป็นรัฐสนับสนุนเพื่อบริการประชาชน การดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และข่าวปลอมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน จึงต้องเร่งจัดการ อาจจะจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังอาชญากรรมทางการเงินเพิ่มขึ้น
“เดิมเรามีศูนย์ของตำรวจไซเบอร์อยู่แล้ว สิ่งที่อยากทำเพิ่ม คือ ศูนย์เฝ้าระวังธุรกรรมที่ต้องสงสัย โดยใช้ AI เข้ามาตรวจสอบธุรกรรมผิดกฎหมาย อยากเห็นเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนนี้ ศูนย์ฯ จะเพิ่มความเข้มข้นเพื่อตรวจสอบ และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้”
รมว.ดีอีเอส กล่าวอีกว่า งานถัดมาเรื่องที่ให้ความสนใจ คือ การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อดำเนินการตามนโยบาย ในการเปลี่ยนจากรัฐอุปสรรคเป็นรัฐสนับสนุน การทำโครงการสมาร์ท 30บาท โครงการดิจิทัลวอลเลต การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีลดช่องว่างทางสังคม สร้างความเท่าเทียม
สำหรับกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลคนที่ผ่านมา ประกาศจะปิดเฟซบุ๊กจากปัญหาโฆษณาหลอกลวงประขาชน รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหว เพราะมีประชาชนและผู้ประกอบการบางส่วนได้ประโยชน์โดยสุจริตจากการใช้เฟซบุ๊ก ขณะที่มีบางส่วนที่ใช้เฟซบุ๊กสร้างความเสียหาย ตนจึงจะเชิญตัวแทนของเฟซบุ๊กในไทย หรือสิงคโปร์มาพูดเพื่อหาทางออกในการแก้ไขที่เหมาะสมก่อน
ส่วนข้อกังวลเกี่ยวการจะมีกลุ่มทุนเข้ามาแทรกแซงการทำงานของกระทรวงฯ รัฐมนตรีดิจิทัล กล่าวว่า ขอให้สบายใจเราจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่ให้มีกลุ่มทุนใหญ่เข้ามากกดดันการทำงานของกระทรวง
“เดิมเรามีศูนย์ของตำรวจไซเบอร์อยู่แล้ว สิ่งที่อยากทำเพิ่ม คือ ศูนย์เฝ้าระวังธุรกรรมที่ต้องสงสัย โดยใช้ AI เข้ามาตรวจสอบธุรกรรมผิดกฎหมาย อยากเห็นเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนนี้ ศูนย์ฯ จะเพิ่มความเข้มข้นเพื่อตรวจสอบ และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้”
รมว.ดีอีเอส กล่าวอีกว่า งานถัดมาเรื่องที่ให้ความสนใจ คือ การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อดำเนินการตามนโยบาย ในการเปลี่ยนจากรัฐอุปสรรคเป็นรัฐสนับสนุน การทำโครงการสมาร์ท 30บาท โครงการดิจิทัลวอลเลต การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีลดช่องว่างทางสังคม สร้างความเท่าเทียม
สำหรับกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลคนที่ผ่านมา ประกาศจะปิดเฟซบุ๊กจากปัญหาโฆษณาหลอกลวงประขาชน รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหว เพราะมีประชาชนและผู้ประกอบการบางส่วนได้ประโยชน์โดยสุจริตจากการใช้เฟซบุ๊ก ขณะที่มีบางส่วนที่ใช้เฟซบุ๊กสร้างความเสียหาย ตนจึงจะเชิญตัวแทนของเฟซบุ๊กในไทย หรือสิงคโปร์มาพูดเพื่อหาทางออกในการแก้ไขที่เหมาะสมก่อน
ส่วนข้อกังวลเกี่ยวการจะมีกลุ่มทุนเข้ามาแทรกแซงการทำงานของกระทรวงฯ รัฐมนตรีดิจิทัล กล่าวว่า ขอให้สบายใจเราจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่ให้มีกลุ่มทุนใหญ่เข้ามากกดดันการทำงานของกระทรวง
