วันที่ 18 กันยายนนี้ คือ กำหนดวันเข้าพื้นที่ช่อง JKN18 ของช่อง TOPNEWS ในรูปแบบของร่วมผลิตรายการกับสถานี และเบื้องต้นคือ การรับทำเนื้อหาข่าวทุกวัน ทุกช่วงเวลาของสถานี รวมถึงขายตรงที่ติดมาจากช่องดาวเทียมเดิมด้วย
ในธุรกิจทีวีการหาเวลาสถานีโทรทัศน์ เพื่อออกอากาศรายการมี 2 รูปแบบที่ใช้กัน
แบบแรก คือ การเช่าเวลา วิธีนี้ทางสถานีปล่อยให้เช่าเวลาตามความเหมาะสม อัตราเช่ามีตั้งแต่ 2 – 60 นาที ค่าเช่าขึ้นอยู่กับเรทติ้งของสถานี และช่วงเวลาที่ออกอากาศ ช่องดัง เวลาดี ค่าเช่าเวลาก็แพงขึ้นไปด้วย
‘โมเดลเช่าเวลานี้ สถานีโทรทัศน์ชอบมาก เพราะมีรายได้ชัดเจน เพราะจ่ายค่าเช่าทุกเดือน ประมาณการรายได้แน่นอน หากไม่มีการเบี้ยวค่าเช่า’
แต่เงื่อนไขการเช่าเวลา ก็มีหลักเกณฑ์เรื่องการเช่าเวลา ของ กสทช.บังคับอยู่ โดยอนุญาตให้สถานีหาผู้เช่าเวลาได้สัดส่วนไม่เกิน 40% ของเวลาที่ออกอากาศ และช่วงหลังการเช่าเวลาของสถานีทีวีดิจิตอลเป็นไปอย่างลำบาก เรทติ้งไม่ดี ก็ไม่มีคนเช่าเวลา แม้ว่าบางครั้งสถานีให้เช่าในราคต่ำก็ไม่มีผู้เช่า ผู้ผลิตหลายรายสู้ต้นทุนไม่ไหว โบกมือลาไป
โมเดลการเช่าเวลาลักษณะนี้ JKN เคยทำเมื่อตอนเข้ามาซื้อช่อง NEWS18 โดย JKN เช่าเวลา NEWS 18 ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 เดือน แต่ กสทช.ได้เรียกให้สถานีชี้แจง เนื่องจากผิดข้อบังคับในการจัดทำผังรายการของ กสทช. สุดท้ายก็ยกเลิก เปลี่ยนมาเป็นการซื้อสถานี
แบบที่สอง คือ การร่วมผลิต เป็นโมเดลแบบถ้อยที ถ้อยอาศัย สถานีให้เวลา ผู้ผลิตทำรายการมาออกอากาศ แล้วจัดสรรพื้นที่โฆษณาแบ่งกัน สัดส่วนมีตั้งแต่ 70:30, 60:40 และ 50:50 ขึ้นอยู่กับการต่อรอง
ถ้าถามใจ แอน-จักรพงษ์ ที่ต้องเร่งหาเงิน การขายใบอนุญาต คือ ทางเลือกที่ดีที่สุด รองลงมา คือเช่าเวลา ส่วนการร่วมผลิตไม่ได้สร้างความมั่นคง และประมาณการรายได้ที่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
เอาเป็นว่า JKN18 แจ้งว่า การมาของ TOPNEWS เป็นการร่วมผลิต ส่วนใครเชื่อหรือไม่ ขึ้นกับแต่ละคน
แต่กลุ่มที่ แอน ต้องสร้างความเชื่อมั่นมากที่สุดมี 2 กลุ่ม คือ เจ้าหนี้หุ้นกู้ ที่รอแนวทางการแก้ไขจากบริษัทที่ชัดเจน และตัดสินกันในที่ประชุมวันที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้ ต้องทำให้กลุ่มนี้เชื่อ และยอมรับแผนการแก้ไข จึงจะได้ไปต่อ
กลุ่มต่อมาคือ คือ ผู้คุมกฎ กสทช. ที่ต้องทำให้คณะกรรมการ กสทช.เชื่อด้วยว่า การร่วมผลิตครั้งนี้ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง เพราะขัดต่อกฎหมาย ซึ่งการประชุมคณะกรรมการ กสทช. กับคณะทำงาน มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ
กรรมการ กสทช. รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตความร่วมมือครั้งนี้ ว่าเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นให้คณะทำงานพิจารณาจากเอกสาร และข้อบังคับอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือไม่
ล่าสุดทางช่อง JKN 18 ได้ทำหนังสือปรับผังรายการสถานีใหม่ แต่ไม่มีการระบุรายการที่มี TOPNEWS อยู่ในผังสถานี
ในธุรกิจทีวีการหาเวลาสถานีโทรทัศน์ เพื่อออกอากาศรายการมี 2 รูปแบบที่ใช้กัน
แบบแรก คือ การเช่าเวลา วิธีนี้ทางสถานีปล่อยให้เช่าเวลาตามความเหมาะสม อัตราเช่ามีตั้งแต่ 2 – 60 นาที ค่าเช่าขึ้นอยู่กับเรทติ้งของสถานี และช่วงเวลาที่ออกอากาศ ช่องดัง เวลาดี ค่าเช่าเวลาก็แพงขึ้นไปด้วย
‘โมเดลเช่าเวลานี้ สถานีโทรทัศน์ชอบมาก เพราะมีรายได้ชัดเจน เพราะจ่ายค่าเช่าทุกเดือน ประมาณการรายได้แน่นอน หากไม่มีการเบี้ยวค่าเช่า’
แต่เงื่อนไขการเช่าเวลา ก็มีหลักเกณฑ์เรื่องการเช่าเวลา ของ กสทช.บังคับอยู่ โดยอนุญาตให้สถานีหาผู้เช่าเวลาได้สัดส่วนไม่เกิน 40% ของเวลาที่ออกอากาศ และช่วงหลังการเช่าเวลาของสถานีทีวีดิจิตอลเป็นไปอย่างลำบาก เรทติ้งไม่ดี ก็ไม่มีคนเช่าเวลา แม้ว่าบางครั้งสถานีให้เช่าในราคต่ำก็ไม่มีผู้เช่า ผู้ผลิตหลายรายสู้ต้นทุนไม่ไหว โบกมือลาไป
โมเดลการเช่าเวลาลักษณะนี้ JKN เคยทำเมื่อตอนเข้ามาซื้อช่อง NEWS18 โดย JKN เช่าเวลา NEWS 18 ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 เดือน แต่ กสทช.ได้เรียกให้สถานีชี้แจง เนื่องจากผิดข้อบังคับในการจัดทำผังรายการของ กสทช. สุดท้ายก็ยกเลิก เปลี่ยนมาเป็นการซื้อสถานี
แบบที่สอง คือ การร่วมผลิต เป็นโมเดลแบบถ้อยที ถ้อยอาศัย สถานีให้เวลา ผู้ผลิตทำรายการมาออกอากาศ แล้วจัดสรรพื้นที่โฆษณาแบ่งกัน สัดส่วนมีตั้งแต่ 70:30, 60:40 และ 50:50 ขึ้นอยู่กับการต่อรอง
ถ้าถามใจ แอน-จักรพงษ์ ที่ต้องเร่งหาเงิน การขายใบอนุญาต คือ ทางเลือกที่ดีที่สุด รองลงมา คือเช่าเวลา ส่วนการร่วมผลิตไม่ได้สร้างความมั่นคง และประมาณการรายได้ที่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
เอาเป็นว่า JKN18 แจ้งว่า การมาของ TOPNEWS เป็นการร่วมผลิต ส่วนใครเชื่อหรือไม่ ขึ้นกับแต่ละคน
แต่กลุ่มที่ แอน ต้องสร้างความเชื่อมั่นมากที่สุดมี 2 กลุ่ม คือ เจ้าหนี้หุ้นกู้ ที่รอแนวทางการแก้ไขจากบริษัทที่ชัดเจน และตัดสินกันในที่ประชุมวันที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้ ต้องทำให้กลุ่มนี้เชื่อ และยอมรับแผนการแก้ไข จึงจะได้ไปต่อ
กลุ่มต่อมาคือ คือ ผู้คุมกฎ กสทช. ที่ต้องทำให้คณะกรรมการ กสทช.เชื่อด้วยว่า การร่วมผลิตครั้งนี้ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง เพราะขัดต่อกฎหมาย ซึ่งการประชุมคณะกรรมการ กสทช. กับคณะทำงาน มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ
กรรมการ กสทช. รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตความร่วมมือครั้งนี้ ว่าเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นให้คณะทำงานพิจารณาจากเอกสาร และข้อบังคับอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือไม่
ล่าสุดทางช่อง JKN 18 ได้ทำหนังสือปรับผังรายการสถานีใหม่ แต่ไม่มีการระบุรายการที่มี TOPNEWS อยู่ในผังสถานี