แจกเงินดิจิทัล เป็นเงินเลวที่รัฐบาลเสก

17 ต.ค. 2566 - 07:45

  • เรียกร้อง สตง.- กกต.- ป.ป.ช. ตรวจสอบโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

  • หยุดยั้งความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ

  • ชี้ชัด คือ เงินบาทที่เลวกว่าเงินบาทในระบบเศรษฐกิจ

economy-money-digital-wallet-serttha-SPACEBAR-Hero.jpg

ปัญหาโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ยังไม่จบสิ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลหลายภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ หรือแม้กระทั่งอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ภายใต้การนำทีมรัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ล่าสุด รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟสบุ๊ก เดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยระบุว่า เรียกร้อง สตง.ร่วมกับ กกต. และ ป.ป.ช.หยุดยั้งการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อหยุดยั้งความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ

เนื้อหายังอ้างอิงถึง นักเศรษฐศาสตร์การเงินท่านหนึ่งให้ความรู้กับตนเอง ว่า เงินดิจิทัล Wallet 560,000 ล้านบาท ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จะถูกจำแนกเป็นเงินเลว (Bad Money) คือเป็นเงินที่เลวกว่าเงินบาทธรรมดา เพราะใช้ได้ในเวลาจำกัดแค่ 6 เดือน ใช้ในพื้นที่จำกัด ในรัศมี 4 กิโลเมตร และใช้กับคนที่ลงทะเบียนรับได้เท่านั้น มีข้อจำกัดห้ามใช้มากมาย เช่น ห้ามเอาไปจ่ายหนี้ ห้ามเอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น ฯลฯ โดยสรุป มันคือเงินบาทที่เลวกว่าเงินบาทในระบบเศรษฐกิจ

และตามทฤษฎีก็จะต้องถูก ดิสเคาท์ (ลดมูลค่า) เช่น อาจจะเหลือมูลค่าเพียงแค่70% หรือ 60% หรือ 50% หรือ 40% ด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลต้องออกงบประมาณ หรือกู้เงินมาโปะเต็มจำนวน 100% 560,000 ล้านบาท

“ตามทฤษฎีคนจะรีบใช้เงินเลวนี้ก่อนเงินดี คนจะแย่งกันใช้แบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนมีคูปองต้องรีบฉีกใช้ให้หมดภายในเวลาที่กำหนดไว้ 6 เดือน ทำไมต้องเอาเงินดี ๆ 560,000 ล้านบาท มาแลกเงินเลว ๆ แบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรแอบซ่อนอยู่ ใช่หรือไม่ การทำอะไรที่ซับซ้อนให้คนตามไม่ทัน น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริตซ่อนอยู่ ใช่หรือไม่”

ผลที่ตามมาในระยะสั้น คนขายของที่ได้รับเงินเลวนั้น ก็จะดิสเคาท์ค่าเงินนั้น หรือในทางตรงกันข้าม ก็จะขึ้นราคาสินค้าทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ที่นายกฯ บอกว่าจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นพายุหมุนที่พัดพาบ้านเรือนพังพินาศมากกว่า ใช่หรือไม่

รัฐบาลพรรคนี้ที่มีอดีตนายกฯ ที่อ้างว่าสามารถหยิบเงินที่อยู่ในอากาศมาใช้นั้น ตอนนี้กำลังจะเอาเงิน 560,000 ล้านบาท ที่เป็นเงินดีจากภาษีประชาชน ไปเปลี่ยนเป็นเงินเลวที่รัฐบาลเสกออกมาจากอากาศ แบบมายากล ใช่หรือไม่ 

อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เคยบอกเงินดิจิทัลที่จะแจก 560,000 ล้านบาท จะทำให้ค่าเงินบาทขาดเสถียรภาพ เพราะจะทำให้เกิดเงินบาท 2 แบบ (2 tier system)ในเมืองไทย และทำให้เงินบาททั้งระบบด้อยค่าไม่มีเสถียรภาพ

เงิน 560,000 ล้านบาทเทียบกับปริมาณเงินในระบบฐานเงินทั้งหมดที่มีอยู่ 19 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 3% ดังนั้นชาวต่างชาติจึ งรีบเทขายเงินบาททิ้ง ทำให้เงินบาทอ่อนค่าจาก 35 บาทเป็น 37 บาทคิดเป็นประมาณ 5% 

ดังนั้นคนไทยทั้งประเทศเสียค่าโง่ไปเรียบร้อยล่วงหน้าแล้ว คือ ทั้งประเทศจนลงไป เพราะค่าเงินล่วงหน้าแล้วประมาณถึง 5% จากนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลเศรษฐา ใช่หรือไม่

“ดิฉันขอเรียกร้องไปถึงคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โปรดดำเนินการตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 ที่บัญญัติว่า มาตรา 8 เพื่อประโยชน์ในการระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรงต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา”

ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นพ้องด้วยกับผลตรวจสอบตามวรรคหนี่ง ให้คณะกรรมการจัดให้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อปรึกษาหารือร่วมกัน 

กรณีที่ประชุมมีมติเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการที่ลงคะแนน ให้ประธานกรรมการ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติร่วมกันลงนามในหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย

มาตรา 8 ดังกล่าว ได้มีการบรรจุไว้ใน พ.ร.ป.การตรวจเงินแผ่นดิน 2561 เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ ที่เคยเกิดขึ้นกับนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่โดยที่ในสมัยนั้นยังไม่ข้อกฎหมายใดหยุดยั้งนโยบายจำนำข้าว องค์กรอิสระจึงทำได้แค่เตือน แต่เมื่อรัฐบาลไม่ฟังจนเกิดความเสียหาย จึงทำได้แค่การเอาผิดนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเท่านั้น แต่ไม่สามารถหยุดยั้งความเสียหายต่อการเงินการคลังของประเทศได้ แม้จะมีรัฐมนตรีในคดีทุจริตจำนำข้าวต้องติดคุก 48 ปี ส่วนนายกรัฐมนตรีต้องหนีคดีไปต่างประเทศ

สำหรับกรณีแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท นักวิชาการ และอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเตือน และบอกถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่ฟัง ดึงดันจะทำให้ได้ จึงไม่ควรปล่อยให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยเดิมอีก ไม่ควรปล่อยให้วัวหายค่อยล้อมคอก เพราะเวลานี้ มีกฎหมายให้องค์กรตรวจสอบสามารถตรวจสอบ และหยุดยั้งได้ เรียกว่าสามารถล้อมคอกก่อนวัวหาย

ขณะนี้รัฐบาลไม่รับฟังเสียงคัดค้านของนักวิชาการ อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ และประชาชนมีเพียงทางเดียวที่จะหยุดยั้งความเสียหายต่อการเงินการคลังของประเทศได้ คือ องค์กรตรวจสอบทั้งหลายจะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ด้วยการหาข้อมูลจากอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการทั้งในเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายและโอกาสเกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ก่อหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็น และต้องทำหน้าที่สะกัดกั้นความเสียหายต่อการเงินการคลังของประเทศ เป็นการล้อมคอกก่อนวัวหายอย่างที่เคยเกิดขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’ ปัดปลุก ปชช. เชียร์เงินดิจิทัล เชื่อไม่ซ้ำ ‘จำนำข้าว

‘จุรินทร์’ จี้หยุดใช้ ปชช.! เป็นโล่กำบังแจกเงินดิจิทัล 10,000

ผลสำรวจยืนยัน คนชอบเงินดิจิทัล 10,000

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์