คนจีน เมินเที่ยวไทย เรื่องจริง หรือ คิดไปเอง ?

2 ม.ค. 2567 - 03:28

  • จีน เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ จำเป็นต้องกระตุ้นท่องเที่ยวในปท.ก่อน 

  • ความไม่ปลอดภัย และ ความยุ่งยาก ฉุดท่องเที่ยวไทย

  • รัฐบาลผนึกกำลัง 12 หน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นนทท.ช่วงปีใหม่ 67

Economy-Reason-Chinese-tourists-Ignore-traveling-in-Thailand-SPACEBAR-Hero.jpg

คนจีน เมินเที่ยวไทย เรื่องจริง หรือ คิดไปเอง ? 

จากสถานการณ์ที่นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทยน้อยลง โดยจากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวจีนตลอดปี 2566 จะอยู่ที่ราว 4 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจีนกว่า 10 ล้านคนต่อปี  ตัวเลขนี้เองทำให้เกิดการตั้งคำว่า ทำไมคนจีนไม่กลับมาเที่ยวประเทศไทย เหมือนเดิม 

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน อุปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน  ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ SPACRBAR ว่า  ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วย ที่หน่วยงานรัฐให้สัมภาษณ์ว่าเศรษฐกิจจีนแย่ เติบโตในอัตราที่ต่ำ จึงไม่มาเที่ยวไทย ก่อนโควิดประชากรจีนนิยมเที่ยวต่างประเทศ ถึงปีละ 150 ล้านคน  และบางส่วนนิยมเดินทางไปเที่ยวประเทศที่มีค่าครองชีพสูง เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งอยู่ไกลออกไป  

ประเทศไทย ถือว่ามีค่าครองชีพไม่สูง มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า และประหยัดเวลามากกว่า หรือแม้กระทั่งการเดินทางเที่ยวบางเมืองในประเทศจีน จึงประเมินว่าเรื่องกำลังซื้อไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีน ไม่มาประเทศไทย

Quote-Dr.PijitSQ_01.jpg

นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีหลัง คนจีนยังมีอัตราการออมเพิ่มขึ้น ดร.ไพจิตร จึงไม่ค่อยเห็นด้วย เวลาหน่วยงานภาครัฐให้ข้อมูลว่า คนจีนไม่มาไทยเพราะไม่มีกำลังซื้อ   

จีนจงใจไม่อนุมัติพาสปอร์ต หวังให้คนจีนเที่ยวในประเทศ?

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน เปิดเผยว่า ในมิติเศรษฐกิจ การจำกัดจำนวนพาสปอร์ตของประชากรในการเดินทางออกนอกประเทศของประชากรจีน ไม่ใช่เรื่องใหม่ การที่รัฐบาลส่งเสริมให้คนจีนเที่ยวในประเทศจีน เพราะว่าเศรษฐกิจส่วนนี้ถือเป็นขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เรากำลังพูดถึงนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 150 ล้านคน  รัฐบาลจึงต้องเข้ามาควบคุม  

แต่ ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ก็เสริมว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ไม่ได้จัดระเบียบให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติเรื่องความปลอดภัย เพราะยังมีคนจีนอีกจำนวนมากที่ยังเชื่อมั่นและอยากมาเที่ยวประเทศไทย คนที่รู้จักประเทศไทยก็ยังเดินทางมาเป็นประจำ และไม่รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย  

ความไม่ปลอดภัย และ ความยุ่งยาก ที่คนจีนกังวลในการท่องเที่ยวไทย

รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน เล่าว่า เรื่องความไม่เชื่อมั่น เรื่องความไม่ปลอดภัย เป็นปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว และผสมโรงกับปัญหาใหม่จนประทุตัวนับแต่ต้นปี 2566 มีหลายประเด็น เริ่มจากเรื่องการขอวีซ่าออนไลน์ ทางการไทยได้เปิดให้นักท่องเที่ยวจีน สามารถขอวีซ่าออนไลน์ แต่ระบบก็มีปัญหา ในระยะแรกไม่มีภาษาจีน วิธีการพิจารณา ระบบการแนบเอกสาร มันใช้เวลาเยอะ ซับซ้อน ทำให้เกิดความยุ่งยาก โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ที่เป็นกลุ่มคุณภาพ ปรากฏว่า ใครคนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวไม่สามารถขอวีซ่าได้ และไม่มีคำชี้แจงว่าทำไมถึงปฏิเสธการออกวีซ่า แถมไม่คืนค่าธรรมเนียม ทำให้นักท่องเที่ยวเสียความรู้สึกและยกเลิกการเดินทางทั้งกลุ่ม  

ส่วนมาตรการ VOA (Visa on Arrival) ก็ประสบปัญหาความไม่เป็นมืออาชีพในการให้บริการ ใช้เวลานาน และมีค่าใช้จ่ายแฝง จนนักท่องเที่ยวจีนบ่นอยากเดินทางกลับจีนตั้งแต่ยังไม่เข้าไทยเสียด้วยซ้ำ จนท้ายที่สุด รัฐบาลไทยก็ได้ออกมาตรการวีซ่าฟรี เพื่อหวังลดความยุ่งยากจากปัญหานี้แล้ว ต้องรอติดตามว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน  

ปัญหาที่เป็นประเด็นใหญ่ คือ ปัญหาความไม่เชื่อมั่น เรื่องความปลอดภัยที่มีชนวนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จากข่าวเรื่องการถูกลักพาตัวเพื่อขโมยอวัยวะ โดยข่าวในระยะแรกมีการเชื่อมโยงถึงประเทศไทย ซึ่งในช่วงแรกที่มีการเผยแพร่ข่าวในโลกออนไลน์ ทางการจีนเองก็มีการจับกุมคนที่ปล่อยข่าวลวง แต่ปรากฏว่าหลังจากผ่านไป 2-3 เดือน คลิปที่มีการเผยแพร่ลักษณะเดิมกลับมาอีก และทางการจีนไม่มีการเซ็นเซอร์คลิปเหล่านี้ จนกลายเป็นไวรัล ติดอยู่ในอันดับการค้นหาในอินเตอร์เน็ต และยังอยู่จนถึงตอนนี้     

หลังจากนั้น ไม่นานก็มีข่าวเยาวชนวัย 14 ปี ยิงนักท่องเที่ยวจีนที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และมีข่าวความไม่สงบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และเหตุการณ์เด็กนักเรียนอาชีวะก่อเหตุยิงกันในพื้นที่สาธารณะ จากข่าวเหตุการณ์อาชญากรรมที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี  ทำให้คนจีนบางส่วน รู้สึกว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย และหากเปรียบเทียบกับกฎหมายของจีน ห้ามบุคคลทั่วไปพกปืน โทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ต่างจากประเทศไทยที่ พกปืนและก่อเหตุกันเป็นเรื่องปกติ ก็ถือเป็นโจทย์ที่รัฐบาลไทย ต้องเร่งเรียกความเชื่อมั่น

4a586a90-61d9-11ee-88b8-eb341691691d.jpg
Photo: bbc

กระทรวงท่องเที่ยวฯ คาดทั้งปี 66 นทท.ต่างชาติแตะ 27 ล้านคน – นนท. จีน อยู่อันดับสอง เข้าไทยราว 3 ล้าน จากก่อนโควิด 10 ล้านคน

ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยว ช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค. 2566) ข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า 24,838,066 คน อันดับ 1 คือ สัญชาติ มาเลเซีย ที่ 4,044,039 คน รองลงมา สัญชาติจีน 3,095,154 คน และ ลำดับสาม คือ เกาหลีใต้ อยู่ที่ 1,468,399 คน 

โดยวันที่ 26 ธ.ค.66  สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาเผยว่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 27 ล้านคนในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้ และในช่วงสัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 16.60 %  จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม

โดยมีปัจจัยจากการมีวันหยุดต่อเนื่องในวันคริสต์มาส ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างมาก 149,409 คน หรือเพิ่มขึ้น 39,011 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า และการเดินทางในช่วง Winter Holiday ช่วงสิ้นปีของภูมิภาคยุโรป ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 796,808 คน  โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย

v2022_1703058382845SU1HXzMwNzEuanBlZw==.jpeg
Photo: 12 หน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นนทท.ช่วงปีใหม่ 67 ณ ห้องประชุมกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ผนึกกำลัง 12 หน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นนทท.ช่วงปีใหม่ 67

​โดยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับ 12 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมการท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กรมการขนส่งทางบก, กรมเจ้าท่า, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล, กรมการปกครอง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, และ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 

สุดาวรรณ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 12 หน่วยงาน จะมีการนำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวของแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการในการทำงานร่วมกัน อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินงาน เช่น ระบบเช็คอินด้วยตนเอง ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีมาตรการวีซ่าฟรี แก่นักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยใช้ระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) 

กรมการขนส่งทางบก จะดำเนินการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ถูกรถโดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) เอารัดเอาเปรียบ, กรมเจ้าท่า มีการปรับปรุงท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรือทุกลำต้องมีทะเบียนเรือและผ่านการตรวจสภาพความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่า ท่าเรือต้องมีความปลอดภัยพร้อมรับผู้โดยสาร เป็นต้น

รวมทั้งมิติด้านการประชาสัมพันธ์เชิงรุกนำเสนอความสวยงามของประเทศไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวโดยจัดทำในรูปแบบคอนเทนต์โดย KOLs ชาวต่างชาติ เผยแพร่ในแพลตฟอร์มชั้นนำโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญของไทย 

จึงต้องติดตามว่า หลังจาก 12 หน่วยงาน พร้อมใจกันยกระดับเพื่อเรียกความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แล้ว ผลลัพธ์ในปี 2567 ของทุกภาคส่วนจะสามารถดึงนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสัญชาติจีน กลับมา เพื่อหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 40 ล้านคนต่อปีเหมือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 หรือไม่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์