กรมสรรพากร ออกประกาศใหม่ คนที่มีรายได้จากต่างประเทศเลี่ยงภาษีไม่ได้แล้ว หากโอนกลับมาเมืองไทยเมื่อไร ถือเป็นรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ในปีนั้น เริ่ม 1 ม.ค.ปีหน้า
ประกาศดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ทำให้บรรดานักลงทุนประเภทรายใหญ่ High Net Worth ที่หอบเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ ตลาดหุ้นต่างประเทศ ผ่าน Private Fund ออกอาการ ‘ว้าวุ่น’ ไปตาม ๆ กัน
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566 ที่บังคับกับผู้ที่อยู่ในไทยตั้งแต่ 180 วันขึ้นไป แต่มีรายได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ถ้านำรายได้เข้าไทยปีไหนเท่ากับต้องเสียภาษีปีนั้น โดยจะเริ่มบังคับใช้ ในวันที่ 1 ม.ค.2567
ก่อนหน้านี้ ตามกฎหมายภาษี หรือประมวลรัษฎากร พูดถึงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีบุคคลที่มีเงินได้จากต่างประเทศไว้ว่า ถ้าอยู่ในไทยตั้งแต่ 180 วันในปีไหน และนำเงินได้ในปีนั้นเข้าไทยในปีเดียวกัน จะถูกนับว่าเป็นรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ในปีนั้น
พูดง่าย ๆ คือ หากครบทั้ง 2 เงื่อนไข เงินได้ต่างประเทศส่วนนี้ ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีในไทยด้วย (แต่อาจจะได้รับยกเว้นกรณีมีอนุสัญญาภาษีซ้อน)
ที่ผ่านมา จึงมีความพยายามที่จะบริหารภาษี โดยการเลี่ยงโอนเงินรายได้จากต่างประเทศส่วนนี้เข้าไทยในปีถัดไป เพื่อไม่ต้องเสียภาษี เพราะไม่เข้าเงื่อนไขครบทั้ง 2 ข้อที่กฎหมายกำหนดนั่นเอง
คำสั่งกรมสรรพากรดังกล่าว จึงปิดโอกาสที่จะเลี่ยงเสียภาษีรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศไปทันที เพราะไม่ว่าจะนำรายได้โอนกลับมาเมื่อไร ก็จะถือว่าเป็นรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีในปีนั้น
สำหรับนิยามของรายได้จากต่างประเทศนั้น จะรวมตั้งแต่รายได้ที่เกิดจากหน้าที่การงานในต่างประเทศ หรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น ค่าจ้าง กำไรจากการขายทรัพย์สิน เงินปันผลจากหุ้น ดอกเบี้ย และค่าลิขสิทธิ์
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป หากนักลงทุนมีการโอนเงินกลับเข้ามาในประเทศ ก็จะถือเป็นรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดานักลงทุนรายใหญ่ทั้งหลายค่อนข้างกังวล เพราะไม่ได้ถูกคำนวณจากกำไร และบางส่วนมีความเห็นว่า มาตรการดังกล่าวเท่ากับปิดโอกาสในการกระจายการลงทุนของคนไทยไปในต่างประเทศ
