โจรไซเบอร์หลอกให้เปย์ แล้วเททิ้ง เหยื่อสูญเงินแล้วกว่าพันล้าน

14 กุมภาพันธ์ 2567 - 04:36

economy-romance-scam-valentine-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ระวังมิจฉาชีพ หลอกให้รัก หลอกให้กดรับสติกเกอร์วันวาเลนไทน์ฟรี

  • คดีหลอกให้รักและโอนเงินออนไลน์ 11 เดือนที่ผ่านมา มีความเสียหายมากกว่า 1,154 ล้านบาท

ประเสริฐ  จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ขอให้ประชาชนระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ  เช่น มิจฉาชีพเข้ามาทักทายผ่านโชเชียลมีเดีย จากนั้นขอคุยเป็นเพื่อนและคนรัก ก่อนที่จะขอให้เหยื่อโอนเงินให้พร้อมหลอกเหยื่อว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินในรูปแบบต่าง ๆ ดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ท่านโปรดระวังคนแปลกหน้า หรือคนที่เข้ามาขอเป็นเพื่อนก่อนที่จะขอพัฒนาความสัมพันธ์หลอกให้รักหลอกให้โอนเงิน ทั้งในรูปแบบเงินดิจิทัล บัญชีออนไลน์ ตลอดจนถึงบัญชีม้า

ดังนั้นวันแห่งความรัก ขอให้ประชาชนทุกท่าน โดยเฉพาะคนโสด ตระหนักถึงภัยที่อาจจะมาถึงตัว ผ่านความรักในรูปแบบต่าง ๆ ขอให้ระวังการใช้เทคนิคทางจิตวิทยา สร้างความเชื่อใจระหว่างกัน โดยมีเป้าหมายหลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ทำการดูดเงินในบัญชี และหลอกให้รักแล้วแบล็คเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ เป็นต้น

ศูนย์บริหารรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการเก็บสถิติตัวเลขคดีหลอกให้รักและโอนเงินออนไลน์ (Romance scam) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 พบว่ามีคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ Romance scam จำนวน 3,323 คดี มีความเสียหายมากกว่า 1,154 ล้านบาท คิดเฉลี่ยความเสียหายคดีละประมาณ 34,752 บาท นับว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์

นอกจากนี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC 1441) ได้ยกเคสคดีตัวอย่าง หลอกให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) ที่ทางศูนย์ได้รับแจ้ง จากผู้เสียหาย จำนวน 3 คดี 

คดีแรก มีมูลค่าความเสียหาย 1.9 ล้านบาท รายละเอียดคดีพบว่า ผู้เสียหายรู้จักกับคนร้ายที่ติดต่อมาผ่านช่องทาง Facebook ต่อมาได้พูดคุยผ่านช่องทาง Line เริ่มพูดคุยกันจนสนิทใจและได้หลอกให้โอนเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อ้างว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป ปัจจุบันทำการติดต่อไม่ได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 มูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท รายละเอียดคดีพบว่า ผู้เสียหายรู้จักคนร้านผ่านช่องทาง Facebook แล้วได้ติดต่อกันผ่านช่องทาง Line จนสนิทสนมเกิดเป็นความรัก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าจะส่งเงินและทองคำมาให้ผู้เสียหายเก็บรักษาไว้ แต่ต้องมีการชำระเงินค่าภาษีในการส่งสินค้า โดยคนร้ายบอกให้ผู้เสียหายโอนเงินดังกล่าวไปให้ก่อน ผู้เสียหลงเชื่อและได้โอนเงินไปให้คนร้าย สุดท้ายไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก 

คดีที่ 3 มูลค่าความเสียหาย 2,012,000 บาท ส่วนรายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายรู้จักกับมิจฉาชีพเป็นครั้งแรกทางสื่อสังคมออนไลน์ผ่านช่องทางFacebook โดยยังไม่เคยพบเจอกัน แอบอ้างชื่อ ดร.XXXX XXXX ได้พำนักอาศัยอยู่ต่างประเทศ จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนผ่านช่องทาง Line พูดคุยกันจนสนิทใจและตกลงเป็นแฟน ต่อมาภายหลังได้ขอความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเดินทางมาหาผู้เสียหายตามการนัดหมาย ผู้เสียหายเกิดความรักและความเชื่อใจจึงได้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพ หลังจากนั้นติดต่อมิจฉาชีพไม่ได้อีก ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกลวง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์