ยืดเยื้ออยู่นาน ล่าสุด ครม.เคาะขึ้นน้ำตาล 2 บาท/กก.
ในการประชุม ครม.วันนี้ (14 พ.ย.66) ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ล่าสุดที่ประชุมเห็นชอบ ขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 2 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตาม ข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งผลจากมตินี้ยังส่งผลไปถึงราคาน้ำตาลขายปลีกในประเทศไทย ที่จะปรับตัวขึ้นอีก 2 บาท
ก่อนหน้าเคยมีการหารือถึงข้อเสนอจากฝั่งเกษตรกรขอขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาท โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอให้นำ 2 บาท เก็บเข้า เงินกองทุนเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม แต่สุดท้ายวันนี้ ครม.ให้มีการทบทวนเรื่องนี้ โดยมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปศึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะมองว่าไม่ควรผลักภาระไปที่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้น้ำตาลกลับมาขึ้นทะเบียนเป็นในรายการสินค้าควบคุม เพื่อดูแลการกำหนดราคา โดยให้มีผลทันที 31 ต.ค. 2566 บังคับใช้นาน 1 ปี
สำหรับราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่สูงขึ้นมาก เกิดมาจากสาเหตุ ประเทศอินเดียผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตอ้อยลดลงมากจึงประกาศห้ามส่งออกน้ำตาลดิบน้ำตาลทราย ขาว และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65-31 ต.ค.66 และล่าสุดเพิ่งประกาศขยายเวลาห้ามส่งออกต่อไปอย่างไม่มีกำหนด จึงทำให้มีความต้องการสูง ราคาจึงปรับเพิ่มขึ้น
ชาวบ้านห่วงของแพง – พาณิชย์ ย้ำ แม้น้ำตาลแพง ยังไม่อนุมัติขึ้นราคาสินค้า
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ยอมรับว่า ชาวบ้านมีความกังวลเรื่องต้นทุนของวัตถุดิบสินค้าที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำตาล 2 บาทต่อกก. ซึ่งต้องยอมรับว่าในทางปฏิบัติการขึ้นราคาน้ำตาลมีผลต่อต้นทุนสินค้าหลายประเภท แต่จะต้องพิจารณาว่าสินค้านั้นนั้นมีต้นทุนน้ำตาลที่แท้จริงสัดส่วนมากน้อยอย่างไร เนื่องจากว่าผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้อย่างฉับพลันจะต้องปรับขึ้นราคาอย่างสมเหตุสมผล พร้อมเน้นย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด ยื่นหนังสือขอปรับขึ้นราคาสินค้า จึงไม่อยากให้ผู้บริโภคกังวล
พาณิชย์ ลงพื้นที่ภาคกลาง ห่วงกักตุนน้ำตาลก่อนขึ้นาราคาล็อตใหม่
สำหรับก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองตรวจสอบและปฏิบัติการ นำเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และสระบุรี โดยร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ ตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำตาลทรายทั้งด้านราคาและปริมาณของผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานผลิตน้ำตาลทราย อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำกับดูแล ด้านราคา และปริมาณของน้ำตาลทรายในภาพรวมของประเทศ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า โรงงานผลิตน้ำตาลทราย ยังมีปริมาณน้ำตาลทรายเพียงพอต่อการจำหน่ายภายในประเทศจนถึงฤดูการผลิตหน้า โดยสินค้าน้ำตาลทรายยังหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดตามปกติ ประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำตาลทรายไปกักตุน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภครายอื่นสามารถซื้อสินค้าได้อย่างทั่วถึง และขอให้เชื่อมั่นว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ
พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายน้ำตาลทราย ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
