iPhone 15 ที่กำลังจะเปิดตัววันนี้ (12 ก.ย.66) เวลา 10.00 น. เวลาของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะตรงกับเที่ยงคืนวันพุธที่ 13 กันยายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย จะมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่ง คือ การเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จไฟจาก Lightning ไปเป็นแบบ USB Type-C เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป ที่ประกาศว่าภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรปจะต้องใช้พอร์ตชาร์จ USB Type-C ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้การเปิดตัวสินค้าของ Apple ทั้ง iPad และ Mac เปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB Type-C ทั้งหมดแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนว่า iPhone 15 จะต้องเปลี่ยนไปเป็นพอร์ต USB Type-C ด้วยแน่นอน เหตุผลที่สหภาพยุโรปต้องการให้เป็นแบบนี้ เพื่อประหยัด ลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลยังเพิ่มขึ้นประหยัดเวลาและพลังงาน รวมถึงสมาร์ทโฟนทุกค่ายจะใช้ที่ชาร์จแบบเดียว
การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกิดขึ้นกับ iPhone 15 ทั่วโลก เพราะ Apple นั้นเปลี่ยนแปลงอะไรจะเหมือนกันหมดมาตรฐานเดียว และเมื่อตรวจสอบจากแหล่งผลิตไม่พบว่ามีคำสั่งผลิต iPhone เวอร์ชั่นแยกเพียงเพื่อวางขายในตลาดยุโรปอย่างเดียว แต่มีคำสั่งในการผลิตด้วยแบบเดียวกันทั่วโลก
USB-C รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดที่ 40 Gbps และการจ่ายไฟได้สูงสุดที่ 48V/5A (240 วัตต์) ซึ่งการใช้งาน USB-C จะมีความหลากหลายมากขึ้น และอาจจะถูกติดตั้งในอุปกรณ์ที่มีกำลังสูง เช่น เครื่องใช้ในบ้าน
มาตรฐานการเชื่อมต่อสากลในอนาคต USB-C
USB-C ได้จัดการกับข้อจำกัดมากมาย รวมถึงความท้าทายที่พอร์ต USB ไม่สามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้ ตั้งแต่ปี 2539 พอร์ต USB-C หวังว่าจะเป็นตัวเชื่อมต่อมาตรฐานสากลที่แท้จริงได้ในไม่ช้านี้ ด้วยความอเนกประสงค์ และคุณลักษณะที่มีประสิทธิภาพสูง
นอกจากประสิทธิภาพและ สามารถภาพที่สูง การรวมตัวเชื่อมต่อเข้ากับ USB-C ยังช่วยให้สามารถใช้สายชาร์จร่วมกันได้ ซึ่งจะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการบริโภคอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ก่อนหน้านี้การเปิดตัวสินค้าของ Apple ทั้ง iPad และ Mac เปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB Type-C ทั้งหมดแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนว่า iPhone 15 จะต้องเปลี่ยนไปเป็นพอร์ต USB Type-C ด้วยแน่นอน เหตุผลที่สหภาพยุโรปต้องการให้เป็นแบบนี้ เพื่อประหยัด ลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลยังเพิ่มขึ้นประหยัดเวลาและพลังงาน รวมถึงสมาร์ทโฟนทุกค่ายจะใช้ที่ชาร์จแบบเดียว
การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกิดขึ้นกับ iPhone 15 ทั่วโลก เพราะ Apple นั้นเปลี่ยนแปลงอะไรจะเหมือนกันหมดมาตรฐานเดียว และเมื่อตรวจสอบจากแหล่งผลิตไม่พบว่ามีคำสั่งผลิต iPhone เวอร์ชั่นแยกเพียงเพื่อวางขายในตลาดยุโรปอย่างเดียว แต่มีคำสั่งในการผลิตด้วยแบบเดียวกันทั่วโลก
USB-C รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดที่ 40 Gbps และการจ่ายไฟได้สูงสุดที่ 48V/5A (240 วัตต์) ซึ่งการใช้งาน USB-C จะมีความหลากหลายมากขึ้น และอาจจะถูกติดตั้งในอุปกรณ์ที่มีกำลังสูง เช่น เครื่องใช้ในบ้าน
มาตรฐานการเชื่อมต่อสากลในอนาคต USB-C
USB-C ได้จัดการกับข้อจำกัดมากมาย รวมถึงความท้าทายที่พอร์ต USB ไม่สามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้ ตั้งแต่ปี 2539 พอร์ต USB-C หวังว่าจะเป็นตัวเชื่อมต่อมาตรฐานสากลที่แท้จริงได้ในไม่ช้านี้ ด้วยความอเนกประสงค์ และคุณลักษณะที่มีประสิทธิภาพสูง
นอกจากประสิทธิภาพและ สามารถภาพที่สูง การรวมตัวเชื่อมต่อเข้ากับ USB-C ยังช่วยให้สามารถใช้สายชาร์จร่วมกันได้ ซึ่งจะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการบริโภคอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบมากขึ้น