ทุเรียนไทยระส่ำ โดนเวียดนามชิงส่วนแบ่ง ส่งขายไปจีน

22 ธ.ค. 2566 - 06:07

  • ปี 2565 จีนนำเข้าทุเรียนสดจากไทย 95% ส่วนเวียดนาม 5%

  • 10 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าทุเรียนสดจากไทย 70% ขณะที่เวียดนามเพิ่มเป็น 30%

economy-thai-china-vietnam-durian-export-SPACEBAR-Hero.jpg

นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์การค้าและการส่งออกผลไม้สดของไทย โดยพบว่า ผลไม้สดเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงต้องให้ความสำคัญทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ที่ผลไม้บางชนิดมีการพึ่งพาตลาดส่งออกในสัดส่วนสูง เช่น ทุเรียน ลำไย และมังคุด มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึงร้อยละ 80 - 90 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด

ไทยส่งออกผลไม้ในรูปแบบผลสดมากที่สุด โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - ตุลาคม) ไทยส่งออกผลไม้สดเป็นปริมาณรวม 1,747,957 ตัน ขยายตัวร้อยละ 12.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ผลไม้ที่มีปริมาณการส่งออกสูงสุด

  1. ทุเรียน 965,284 ตัน 
  2. ลำไย 274,064 ตัน 
  3. มังคุด 245,049 ตัน 
  4. มะม่วง 104,154 ตัน 
  5. สับปะรด 36,618 ตัน 

เมื่อคิดเป็นมูลค่า พบว่า ไทยส่งออกผลไม้สดเป็นมูลค่ารวม 5,065.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (173,187 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 31.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ผลไม้ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด

  1. ทุเรียน 3,998.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (136,579 ล้านบาท) 
  2. มังคุด 494.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (16,902 ล้านบาท) 
  3. ลำไย 312.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (10,764 ล้านบาท) 
  4. มะม่วง 86.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,950 ล้านบาท) 
  5. ส้มโอ 31.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,095ล้านบาท) 

โดยตลาดส่งออกหลักของไทยอันดับ 1 คือ ตลาดจีน มีมูลค่าส่งออกรวม 4,639.0ล้านเหรียญสหรัฐ (158,566 ล้านบาท) มีสัดส่วนร้อยละ 91.6 ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สดของไทย รองลงมา คือ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ มีสัดส่วนร้อยละ 2.0, 1.6, 1.0 และ 0.8 ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สดของไทย ตามลำดับ

ถึงแม้จีนจะเป็นในผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ของโลก และความต้องการนำเข้าผลไม้สดของจีนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายท่ามกลางการแข่งขันในตลาดจีน โดยเฉพาะกับเวียดนาม

ปี 2565 จีนมีอัตราการนำเข้าผลไม้ทั้งหมดจากเวียดนามเติบโตกว่าร้อยละ 41 ขณะที่การนำเข้าจากไทยหดตัวร้อยละ 4 ซึ่งผลไม้สำคัญ คือ ทุเรียน โดยในปี 2565 จีนมีมูลค่าการนำเข้าทุเรียนสดจากไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95 และนำเข้าจากเวียดนามร้อยละ 5 จากเดิมที่ไทยเคยครองส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนทั้งหมด

แต่ล่าสุดในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-ตุลาคม) จีนมีมูลค่าการนำเข้าทุเรียนสดจากไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 และนำเข้าจากเวียดนามเพิ่มเป็นร้อยละ 30 จะเห็นได้ว่าหลังจากที่จีนเริ่มอนุญาตการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนาม ก็ทำให้โครงสร้างส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทุเรียนเวียดนามมีข้อได้เปรียบด้านฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ยาวนานกว่า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดจีนได้ในช่วงนอกฤดูกาลผลิตของไทย 

นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับจีนทำให้การขนส่งใช้ระยะเวลาสั้นและมีต้นทุนต่ำกว่า ไม่เพียงเท่านั้น ทุเรียนของไทยในตลาดจีนยังต้องรับมือกับผู้เล่นหน้าใหม่อย่างฟิลิปปินส์ ที่จีนเพิ่งอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนได้เป็นประเทศที่ 3 เมื่อเดือนมกราคม 2566 และมาเลเซียที่ได้ยื่นขออนุมัติการส่งออกทุเรียนเข้าสู่ตลาดจีนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติการส่งออกทุเรียนเข้าจีนในโอกาสครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตมาเลเซีย – จีนในปีหน้านี้

นภินทร กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลไม้เป็นสินค้าที่ต้องให้ความสำคัญทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ผลไม้สดของไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดจีนเป็นหลัก ดังนั้น ต้องเร่งเจาะตลาดส่งออกศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักเพียงตลาดเดียว ขณะเดียวกัน ก็ต้องรักษาส่วนแบ่งในตลาดส่งออกหลักอย่างจีนควบคู่ไปด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์