นอกจากการออมของเราแล้ว รู้หรือไม่ว่าบางบริษัทเอกชน ก็มีสวัสดิการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund ให้ด้วย
มาพูดถึง ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’ กัน หากบริษัทนั้นมีให้ เรารู้จักสิทธิต่างๆ ของสวัสดิการที่เราจะได้รับ เพื่อให้เราได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนเข้าทำงาน ต้องรู้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund นั้น เป็นสวัสดิการแบบไหน และมีประโยชน์อย่างไร ไม่อย่างนั้นเราอาจจะสงสัยได้ว่า ทำไมเงินเดือนที่ได้มาต้องโดนหักไปทุก ๆ เดือน
เงินสมทบ คือ เงินที่บริษัทให้ จะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท ว่าเป็นแบบคงที่ตลอดอายุงานของพนักงาน หรือจะเพิ่มให้สูงขึ้นตามอายุงานก็ได้ เช่น ทำงานปีที่ 0-3 บริษัทจะสมทบเงินให้ 3%, ทำงานปีที่ 3-5 บริษัทจะสมทบเงินให้ 5%, ทำงานปีที่ 5-7 บริษัทจะสมทบเงินให้ 7% และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามปีที่ทำงานสูงสุด คือ 15%
กรณีลาออกจากงาน หรือเกษียณอายุุ หากยังไม่ต้องการใช้เงินหรือต้องการเก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้ยามเกษียณอายุ สามารถขอคงเงิน ไว้ในกองทุนตามนโยบายการลงทุนที่เลือกไว้ โดยติดต่อกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อแจ้งระยะเวลาคงเงินที่ไม่ขัดกับข้อกำหนดของทางกองทุน
กรณีเกษียณอายุ สามารถขอให้กองทุนทยอยจ่ายเงินให้เราเป็นงวดๆ คล้ายเงินบำนาญได้ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละกองทุน
มาพูดถึง ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’ กัน หากบริษัทนั้นมีให้ เรารู้จักสิทธิต่างๆ ของสวัสดิการที่เราจะได้รับ เพื่อให้เราได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนเข้าทำงาน ต้องรู้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund นั้น เป็นสวัสดิการแบบไหน และมีประโยชน์อย่างไร ไม่อย่างนั้นเราอาจจะสงสัยได้ว่า ทำไมเงินเดือนที่ได้มาต้องโดนหักไปทุก ๆ เดือน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คืออะไร
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้าง และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งให้กับลูกจ้าง เพื่อเป็นสวัสดิการให้ลูกจ้างมีเงินใช้หลังเกษียณ โดยลูกจ้างสามารถเลือกจ่าย ‘เงินสะสม’ ได้ตั้งแต่ 2% - 15% ของเงินเดือน และนายจ้างจะจ่าย ‘เงินสมทบ’ เพิ่มให้อีกตามนโยบายของบริษัท ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจกว่าการลงทุนรูปแบบอื่นตรงที่ ‘เงินสมทบจากนายจ้าง’ เปรียบเสมือนเราได้เงินจากบริษัท ‘เพิ่ม’เงินสมทบ คือ เงินที่บริษัทให้ จะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท ว่าเป็นแบบคงที่ตลอดอายุงานของพนักงาน หรือจะเพิ่มให้สูงขึ้นตามอายุงานก็ได้ เช่น ทำงานปีที่ 0-3 บริษัทจะสมทบเงินให้ 3%, ทำงานปีที่ 3-5 บริษัทจะสมทบเงินให้ 5%, ทำงานปีที่ 5-7 บริษัทจะสมทบเงินให้ 7% และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามปีที่ทำงานสูงสุด คือ 15%
จุดเด่นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ได้เงินสมทบจากนายจ้าง
- สร้างวินัยการออมให้ลูกจ้าง โดยออมก่อนใช้จ่าย
- ช่วยให้ลูกจ้างมีเงินเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ
- ลูกจ้างสามารถนำเงินที่สะสมไปหักลดหย่อนภาษีได้
- บริหารโดยมืออาชีพ มีนโยบายการลงทุนหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ
สิทธิประโยชน์ของ ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’
- ได้รับเงินสะสม ผลประโยชน์จากเงินสะสมเต็มจำนวน ในแต่ละเดือนที่จ่ายเงินสะสมไปในกองทุน เมื่อสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุนก็จะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 100%
- ได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบ ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละบริษัทมีข้อกำหนดในการจ่ายเงินสมทบอย่างไร โดยส่วนใหญ่จะได้รับเงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินสมทบในอัตราที่มากขึ้นตามอายุงาน เช่น ทำงานไม่ถึง 1 ปี จะไม่ได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบ, ทำงาน 1-5 ปี จะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบ 50% และทำงาน 10 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์จากเงินสมทบ 100%
- ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เมื่อสิ้นสมาชิกภาพ จะได้รับเป็น ‘เงินก้อน’ จำนวนหนึ่ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ เงินสะสมของเรา, เงินสมทบของนายจ้าง,ผลประโยชน์ของเงินสะสม และผลประโยชน์ของเงินสมทบ
กรณีลาออกจากงาน หรือเกษียณอายุุ หากยังไม่ต้องการใช้เงินหรือต้องการเก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้ยามเกษียณอายุ สามารถขอคงเงิน ไว้ในกองทุนตามนโยบายการลงทุนที่เลือกไว้ โดยติดต่อกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อแจ้งระยะเวลาคงเงินที่ไม่ขัดกับข้อกำหนดของทางกองทุน
กรณีเกษียณอายุ สามารถขอให้กองทุนทยอยจ่ายเงินให้เราเป็นงวดๆ คล้ายเงินบำนาญได้ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละกองทุน
- สิทธิในการโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปไว้ที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)