ดูเหมือนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ยังคงสนุกกับการเดินสายไปปรากฏตัวตามจังหวัดเพื่อสร้างเรทติ้งกับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ต่อไป ล่าสุดในการไปเยือนเมืองเหนือ ที่เชียงใหม่ นอกเหนือจากการประกาศจะดัน โอทอป ร่ม ‘กางจ้อง’ สันกำแพง ให้ดังไกลไปทั้งโลก ยกระดับเป็นอีกหนี่ง Soft Power อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทยแล้ว นายกฯ นิดยังไปหาเสียงกับคนรุ่นใหม่บรรดานักศึกษา มช. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประกาศจะส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Start Up ไทยให้ผงาดขึ้นในระดับโลก
นายกฯ เศรษฐา บอกว่าทุกวันนี้ตัวเองมี ‘แผลในใจ’ เพราะประเทศไทยมีประชากร 68-69 ล้านคน มีคนเก่ง มีคนที่มีความฝัน ความทะเยอทะยาน แต่ไม่มี Start Up ระดับเป็น ‘ยูนิคอร์น’ ซึ่งตนเองอยากให้ เมืองไทยมีภายในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะเป็นเรื่องหนึ่งที่จะให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่สนใจเรื่องการสร้างธุรกิจ ในแวดวง Start Up เมื่อได้ฟังอย่างนี้ สำหรับบางคนอาจจะ ‘หัวใจฟู’ แต่กับคนที่อยู่ในแวดงวงธุรกิจ Start Up จะทราบดีว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การจะไปถึงฝั่งฝันนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่อย่างน้อยทุกวันนี้เมืองไทยก็ไม่ได้ไร้ซึ่งธุรกิจ Start Up ที่สามารถก้าวขึ้นชั้นแนวหน้า และถือว่าเป็น ‘ยูนิคอร์น’ อย่างที่นายกฯ เศรษฐาเข้าใจ เพราะจริงๆ แล้ว มียูนิคอร์น ที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว พร้อม ๆ กันตั้งแต่ปี 2021 จำนวน 3 ตัว และกำลังมีลุ้นอีก 2-3 ตัว ในราวปีหน้า
ในวงการธุรกิจ StartUp จะนิยาม ธุรกิจของคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในสายของเทคโนโลยีดิจิทัล และ ฟินเทค ซึ่งมีการเริ่มต้นธุรกิจจากผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ ที่สามารถขายฝันและระดมทุนจากนักลงทุนรายบุคคล และสถาบัน มาสร้างกิจการ Start Up ให้เติบโตขึ้น โดยเปรียบเทียบเป็น ‘ม้ามีเขา’ จากเทพนิยาย ไล่เรียงเป็น 5 ระดับ คือ
- ‘โพนี่’ ธุรกิจที่สามารถระดมทุนและมีขนาดธุรกิจระดับมากกว่า 300 ล้านบาท
- ‘เซ็นทอร์’ ธุรกิจที่สามารถระดมทุนและมีขนาดธุรกิจระดับมากกว่า 3 พันล้านบาท
- ‘ยูนิคอร์น’ ธุรกิจที่สามารถระดมทุนและมีขนาดธุรกิจระดับมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
- ‘เดเคคอร์น’ ธุรกิจที่สามารถระดมทุนและมีขนาดธุรกิจระดับมากกว่า 3 แสนล้านบาท
- ‘เฮกโตคอร์น’ ธุรกิจที่สามารถระดมทุนและมีขนาดธุรกิจระดับมากกว่า 3 ล้านล้านบาท
Strat Up ที่สามารถสร้างตัวเองจากการขายฝันและลงมือทำจริง โดยสามารถระดมทุนจากนักลงทุนรายใหญ่และผู้ที่สนใจ จนสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ในระดับเป็นถึง ‘ยูนิคอร์น’ ได้นั้นถือว่าประสบความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจ Start Up ที่สามารถเติบโตขึ้นเป็นยูนิคอร์นได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีดิจิทัล และการเงิน ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากใน สหรัฐฯ ยุโรป จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ที่มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ในช่วงสักสิบปีที่ผ่านมา
ในแถบอาเซียนเองก็มี ยูนิคอร์น สัญชาติอาเซียนหลายสิบตัว แต่ในประเทศไทย เราเพิ่งมี ยูนิคอร์น เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จเพียง 3 ตัว ประกอบด้วย
- Flash Express ของ คมสันต์ ลี ที่ทำด้าน โลจิสติกส์ ขนส่งไปรษณีย์และบรรจุภัณฑ์ ผ่านอิคอมเมิร์ช ก่อตั้งเมื่อปี 2021
- Ascend Money ของ ศุภชัย เจรีรวนนท์ ในเครือ True Money ที่ทำด้าน Fin ก่อตั้งเมื่อปี 2003
- Bitkub ของ จิรายุส ทรัพย์ศรีโอชา ที่ทำด้านกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล ก่อตั้งเมื่อปี 2018
ในวงการ Start Up เชื่อว่า มีธุรกิจไทยที่มีแนวโน้มจะก้าวขึ้นชั้น เป็นยูนิคอร์น ได้อีกราว 2-3 ตัว คือ Lineman-Wongnai แพลตฟอร์ม แนะนำร้านอาหารและบริการขนส่งอาหาร ของ ยอด ชินสุภัคกุล และ Finnomena ของ นักการเงินรุ่นใหม่ เจษฎา สุขทิศ ที่ทำด้านธุรกิจฟินเทค
ขั้นตอนในการก้าวขึ้นไปสู่การเป็นยูนิคอร์น Start Upแต่ละราย ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง จะต้องพยายามขายไปไอเดียกับนักลงทุนที่สนใจเพื่อระดมทุนมาสร้างธุรกิจStart Up โดยจะมีการไล่ระดับการระดมทุนตั้งแต่
- Pre-Seed เริ่มจากไอเดียที่dมีศักยภาพในการพัฒนา ที่ใช้เงินลงทุนระยะแรกไม่มากนัก
- Seed Fund หลังจากมีตัวธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ ซึ่งต้องกาจะหา Angle Investor มาร่วมลงทุน
- Series A ที่จะเริ่มมี Venture Capital ที่สนใจมาร่วมลงทุน
- Serie B มี Super Venture Capital รายใหญ่ๆเข้ามาร่วมลงทุน
- Serie C มีการระดมทุนจากนักลงทุนทั้งในประเทศ และระดับโลก โดยอาจจะมีการระดทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์
ทั้งหมด คือ ความรู้เรื่อง Start Up และการก้าวขึ้นชั้นไปสู่การเป็น Unicorn ฉบับย่อ...